กลายเป็นอุบัติเหตุที่สังคมให้ความสนใจในวงกว้าง เพราะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการโครงการก่อสร้างที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต เชื่อว่าหลายคนอาจยังสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นและน่าจะกังวลเช่นกันว่าความปลอดภัยในการก่อสร้างอยู่ตรงไหน The MATTER ขอสรุปเหตุการณ์มาให้อ่าน ดังนี้
1) วานนี้ (31 ก.ค. 65) เวลาประมาณ 20.00 น. เกิดอุบัติเหตุสะพานปูนกลับรถ กม.34 ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) จ.สมุทรสาคร ถล่มลงมาทับรถยนต์ด้านล่างจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 3 ราย อุบัติเหตุนี้ได้รับความสนใจจากสังคมวงกว้าง และถูกตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการรัฐ ความประมาท และความปลอดภัยบนท้องถนน
2) ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ รายแรกคือผู้โดยสารในรถยนต์ที่โดนคานปูนน้ำหนักราว 5 ตันร่วงหล่นลงมาทับ ส่วนอีกรายคือเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงที่ทำงานอยู่แล้วร่วงลงมาพร้อมแผ่นปูนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร
3) สะพานกลับรถแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2536 ใช้งานมา 29 ปีแล้ว และตอนนี้กำลังอยู่ในโครงการปรับปรุงที่อยู่ภายใต้ความดูแลของกรมทางหลวง การซ่อมแซมได้รับงบประมาณมา 3 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2565 ซึ่งจะซ่อมโดยการทุบรื้อและเปลี่ยนพื้นสะพานใหม่เพื่อให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
4) ขณะที่เกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมพื้นที่เทพื้นสะพานใหม่โดยการทุบพื้นสะพานช่วงที่ชำรุดเสียหายออก แต่คานสะพานริมสุดดันร่วงหล่นลงมาจนเป็นที่มาของเหตุไม่คาดฝัน
5) ในวันนั้นเอง ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้อธิบดีกรมทางหลวง ผู้อำนวยการศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) และผู้อำนวยการแขวงทางหลวงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นทันที
6) ด้านสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายและระบุว่าเหตุการณ์นี้มีปัจจัยหลายส่วน ซึ่งสราวุธระบุว่ากรมทางหลวงได้เน้นย้ำถึงมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างอย่างรัดกุมมาโดยตลอด
“คงไม่ได้เกิดจากการสะเพร่า ที่ผ่านมาเรามีมาตรการดูแลแต่ละโครงการอย่างรัดกุม เน้นย้ำความปลอดภัย และมีการตรวจสอบอย่างเต็มที่ จึงเชื่อว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น” สราวุธกล่าว
อย่างไรก็ดี สราวุธประกาศขอโทษประชาชนสำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ขนานไปกับ ‘กรมทางหลวง’ ที่ก็ประกาศขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังบอกว่าจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพแก่ประชาชนผู้เสียชีวิต
7) ทั้งนี้ กรมทางหลวงสั่งให้ระงับการซ่อมแซมสะพาน และระบุว่าจะตั้งกรรมการตรวจข้อเท็จจริงและวิเคราะห์สาเหตุที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังสั่งมีการให้ตรวจสอบขั้นตอนการทำงาน วัสดุ เครื่องมือ และความพร้อมของเจ้าหน้าที่ โดยเน้นย้ำให้ใช้มาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากอีกกว่า 200 โครงการทั่วประเทศ
8.) ณ บริเวณสะพานกลับรถที่เกิดเหตุ (ซึ่งก็คือ ทางหลวงสายที่ 35 ตอนสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตก–นาโคก) สำนักงานอำนวยความปลอดภัย กรมทางหลวง เคยทำการสำรวจและพบว่า บริเวณนี้มีปริมาณรถยนต์สัญจรเฉลี่ย 115,527 คันต่อวันในปี 64 ดังนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าผู้คนมหาศาลมีโอกาสได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างนี้ที่อันตรายได้
9) เหตุการณ์นี้นำมาสู่ความสูญเสียที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น และทำให้สังคมตั้งคำถามถึงมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างของรัฐ รวมถึงการตั้งข้อสงสัยด้วยว่าใครคือผู้รับเหมาของงานก่อสร้างนี้ ชาวอินเทอร์เน็ตจำนวนมากแสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่าอยากให้ข้าราชการเข้มงวดกับมาตรการความปลอดภัยมากขึ้น ไม่อยากต้องใช้ชีวิตบนความเสี่ยงอันตรายที่เกิดจากความประมาท และอยากให้เร่งหาคนรับผิดชอบมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
10) นอกจากการออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐแล้ว มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘Ponsan Panjathep’ ที่ได้แชร์วิธีเอาชีวิตรอดจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อสร้าง ซึ่งเขาในฐานะประชาชนได้ไกด์ไลน์การเอาตัวรอดจากงานก่อสร้างในเมืองกรุงไว้ เช่น
– หากขับรถลอดใต้งานก่อสร้างทางด่วน รถไฟฟ้า ให้สังเกตว่าจุดที่ต้องขับผ่านกำลังทำกิจกรรมอะไรกันอยู่ โดยเฉพาะเหนือหัว ให้ประเมินว่าถ้าเกิดความผิดพลาด เช่น วัสดุล้ม–หลุดลงมาจากการยก เราอยู่ในระยะอันตรายหรือไม่
– เมื่อเดินริมถนน ให้มองด้านบนด้วย หากผ่านบริเวณที่มีการก่อสร้างคอนโดสูงหรือมีการต่อเติมริมถนนที่มีแสลนกันฝุ่นที่อาจไม่ช่วยป้องกันอะไร ให้ระวังวัสดุหรือเครื่องมือตกใส่
– หากอยู่ในรัศมีทาวเวอร์เครน ให้ระวังของเล็กๆ น้อยๆ ร่วงใส่
– หลีกเลี่ยงการเดินเหยียบฝาท่อระบายน้ำเล่น เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้
“อันตรายมีทุกมิติ บนพื้น บนหัว ตรงหน้า เดินเท้า ขับรถยนต์ ขี่มอเตอร์ไซค์ เหตุบ้าๆ บอๆ เกิดขึ้นได้เสมอ … รักษาตนโดยไม่ต้องคิดเผื่อว่าคนอื่นจะมาระมัดระวังให้เรา ขอให้ทุกท่านใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยครับ” เขาระบุไว้ในช่วงท้ายของโพสต์เตือนภัยจากประชาชน สู่ประชาชน
11) นายกรัฐมนตรีเองก็มีบทบาทต่อกรณีนี้เช่นกัน ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงกรณีที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจกับผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งยังได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ใช้มาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างเต็มที่
12) นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดอุบัติเหตุจากโครงการก่อสร้าง ก่อนหน้านี้เพียง 2 สัปดาห์เพิ่งเกิดเหตุการณ์ที่วัสดุก่อสร้างร่วงหล่นลงบนถนนพระราม 2 จนทำให้รถยนต์เสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
“กรมทางหลวงขออภัยในความไม่สะดวกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอเรียนว่า ที่ผ่านมากรมทางหลวงได้เน้นย้ำเรื่องมาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุดมาตลอด เพื่อไม่ให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม” คือสิ่งที่กรมทางหลวงระบุไว้ในอุบัติเหตุเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
อ้างอิงจาก
https://www.js100.com/en/site/news/view/120299
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000072788
https://www.bangkokbiznews.com/news/news_update/1018293
https://www.thaipost.net/economy-news/183615/