มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ‘มุฮัมมัด บิน ซัลมาน’ (Mohammed bin Salman) ประกาศส่งเงินช่วยเหลือยูเครนด้านมนุษยธรรมชุดใหญ่ เป็นจำนวน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท หลังต่อสายคุยกับ ‘โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี’ (Volodymyr Zelensky) ประธานาธิบดียูเครน เมื่อวานนี้ (15 ตุลาคม)
สำนักข่าว SPA ของรัฐบาลซาอุฯ รายงานว่า เงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ฯ นี้ จะถูกส่งให้กับยูเครน เพื่อบรรเทาความยากลำบากของชาวยูเครนในห้วงวิกฤตครั้งนี้ และเป็นหลักฐานว่า มกุฎราชกุมารซาอุฯ ทรงห่วงใยในการบรรเทาทุกข์ของชาวยูเครน และตอกย้ำมิตรภาพที่ซาอุฯ มีต่อยูเครน
นอกจากนี้ มกุฎราชกุมารซาอุฯ ยังเน้นย้ำถึงความพยายามของราชอาณาจักรซาอุฯ ในการช่วยเหลือสนับสนุนทุกทางที่เป็นไปได้ เพื่อลดระดับความขัดแย้ง และความกระตือรือร้นของซาอุฯ ในการเป็นตัวกลางเจรจาด้วย
ในระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ก็ได้แสดงความยินดีของมกุฎราชกุมารซาอุฯ ในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณทั้งการส่งเงินช่วยเหลือ และการลงมติในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN General Assembly) เพื่อสนับสนุนยูเครน
ต่อมาภายหลัง เซเลนสกีได้ทวีตข้อความระบุในทำนองเดียวกันว่า “ได้พูดคุยกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ มุฮัมมัด บิน ซัลมาน แล้ว ได้แสดงความขอบคุณที่สนับสนุนบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และมติในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ UN เราตกลงที่จะทำงานร่วมกันในการปล่อยเชลยศึกของยูเครน และตกลงรับมอบความช่วยเหลือด้านการเงินชุดใหญ่จากซาอุฯ ให้กับยูเครน”
สำหรับมติที่ประชุมสมัชชาใหญ่ฯ ดังกล่าว คือการลงมติเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 143-5 ประณามการผนวกดินแดนที่ ‘ไม่ชอบด้วยกฎหมาย’ ของรัสเซีย และยืนยันในอธิปไตยของยูเครน โดยที่ซาอุฯ ก็เป็น 1 ใน 143 ประเทศ ที่ร่วมโหวตเห็นชอบ
ทั้งมกุฎราชกุมารฯ และ อับดุลอาซิซ อัลวาซิล (Abdulaziz Alwasil) ผู้แทนถาวรซาอุฯ ประจำ UN ต่างก็ระบุเหตุผลในการโหวตเห็นชอบในมตินี้ว่า เป็นการยึดมั่นในหลักการตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ (น่าสนใจว่า ในแถลงการณ์ของไทย ก็มีส่วนหนึ่งที่อ้างเหตุผลเหมือนกันกับซาอุฯ ทุกประการ แต่ปรากฏว่าโหวตงดออกเสียงในมติดังกล่าว)
อ้างอิงจาก