ประกาศแล้วในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับ ‘พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565’ โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันนับตั้งแต่ประกาศ ในโอกาสนี้ ‘สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ’ หรือ OHCHR เผยว่า ‘ยินดี’ ที่ไทยประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว
OHCHR ระบุว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว นับเป็น ‘ก้าวสำคัญ’ ในการปราบปรามการทรมาน การทารุณกรรม และการกระทำให้บุคคลสูญหายในประเทศไทย ซึ่งมีบทบัญญัติในการเอาผิดผู้กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา และจะทำให้ผู้เสียหายมีกรอบทางกฎหมายในการเรียกร้องการเยียวยาทางกฎหมาย รวมถึงเอาผิดผู้กระทำผิดด้วย
ทั้งนี้ OHCHR ชี้ว่า กฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมหลักการสำคัญ อาทิ สิทธิในการที่จะไม่ถูกทรมานเป็นสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจระงับชั่วคราวได้ (non-derogation) และหลักการไม่ส่งใครกลับไปเผชิญอันตราย (non-refoulement)
ซินเทีย เวลิโก้ (Cynthia Veliko) ผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ OHCHR กล่าวว่า “สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติขอชื่นชมประเทศไทยที่ปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ในการทบทวนสิทธิมนุษยชนครั้งล่าสุดตามกระบวนการ Universal Periodic Review หรือ UPR
“การประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 นี้นับเป็นก้าวสำคัญในการปฏิบัติตามคำมั่นของประเทศไทยเพื่อขจัดการกระทำทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหายให้หมดสิ้น และเป็นการให้ความยุติธรรมกับผู้เสียหายจากการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย”
อย่างไรก็ดี OHCHR ระบุด้วยว่า ประเทศไทยยังมีกรณีการกระทำให้บุคคลสูญหายที่ยังไม่ได้รับความกระจ่างชัดอยู่ทั้งหมด ’76 กรณี’ จากการบันทึกของคณะกรรมการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยบังคับหรือไม่สมัครใจ (The United Nations Working Group on Enforced or Involuntary Disappearances)
ขณะที่ OHCHR มองว่า กฎหมายฉบับนี้ยังมีบทบัญญัติอยู่ 3 ประการที่ควรได้รับการแก้ไข เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและหลักการระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน คือ
- การอภัยโทษในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติฉบับนี้
- การรับฟังพยานหลักฐานที่ได้จากการทรมานในกระบวนการดำเนินคดีทางอาญา และ
- การกำหนดอายุความของคดีการกระทำให้บุคคลสูญหาย
ลำดับต่อไป OHCHR แนะนำให้ไทยดำเนินการให้สัตยาบันต่อ:
- อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance) และ
- พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Optional Protocol to the Convention against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment)
โดยที่ OHCHR พร้อมจะสนับสนุนทางเทคนิคแก่รัฐบาลตามจำเป็น
พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหายฯ มีอะไรน่าสนใจบ้าง? ทำความเข้าใจเนื้อหาที่ The MATTER สรุปไว้ได้ที่นี่
อ้างอิงจาก