ใครที่บอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ อาจจะต้องคิดใหม่อีกครั้งนะ เพราะล่าสุดเพิ่งมีงานวิจัยขนาดย่อมที่ศึกษาประชากรจาก 7 ประเทศ และค้นพบว่าเงินซื้อความสุขได้จริงๆ
งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ PNAS และเป็นงานที่ศึกษาว่าเงินสัมพันธ์กับความสุขหรือไม่ โดยมอบเงิน 10,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 350,000 บาท) ให้กับคน 200 คนไปใช้ในระยะเวลา 3 เดือน จากนั้นก็ให้คนกลุ่มนี้มาบันทึกคะแนนความสุขรายเดือน
ในขณะเดียวกัน ทีมนักวิจัยก็ศึกษาคนอีก 100 คนที่ไม่ได้รับเงินสักบาทเดียว พร้อมให้พวกเขาให้คะแนนความสุขรายเดือนด้วย เพื่อมาเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้เงินก้อน
ผู้เข้าร่วมงานวิจัยมาจากทั้งประเทศรายได้ต่ำและรายได้สูง ได้แก่ บราซิล อินโดนีเซีย เคนยา ออสเตรเลีย แคนาดา อังกฤษ และสหรัฐฯ
สำหรับผลวิจัย คือ กลุ่มผู้เข้าร่วมวิจัยที่ได้รับเงินแสนจะมีความสุขมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เงิน ซึ่งคะแนนความสุขก็จะแตกต่างกันไปอีกโดยขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของพวกเขา นอกจากนี้ แม้จะผ่านมาอีก 3 เดือน คนที่ได้รับเงินก้อนก็ยังรายงานว่ามีความสุขมากกว่าตอนก่อนร่วมงานวิจัย
อย่างไรก็ดี ผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่ครัวเรือนมีรายได้มากกว่า 123,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,400,000 บาท) ต่อปีอยู่แล้ว ไม่ได้รายงานว่ามีความสุขมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ ผู้เข้าร่วมวิจัยที่มาจากประเทศรายได้น้อยจะมีความสุขมากกว่าผู้เข้าร่วมวิจัยที่มาจากประเทศร่ำรวยถึง 3 เท่า
ด้าน ไรอัน ดไวเออร์ (Ryan Dwyer) นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริติชโคลอมเบีย และผู้ร่วมเขียนงานวิจัย ระบุว่า คนจำนวนไม่น้อยใช้เงินที่ได้ไปกับการจ่ายหนี้และซ่อมบ้านครั้งใหญ่
และเพื่อให้งานวิจัยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น มีรายงานว่าผู้เข้าร่วมวิจัยจะไม่ได้ข้อมูลว่าตัวเองกำลังจะเข้าร่วมงานวิจัยอะไรในตอนที่สมัครเป็นกลุ่มตัวอย่าง เพาะในเดือนธันวาคมปี 2020 องค์กร TED ชวนคนผ่านทวิตเตอร์ให้สมัครการทดลองที่ ‘ลึกลับ’ และน่าตื่นเต้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีรายงานว่าคนที่ได้เงินก้อนใหญ่จะมีความสุข เพราะงานวิจัยในปี 2019 ค้นพบว่า หากถูกหวยรางวัลใหญ่จะมีความพอใจกับชีวิตมากขึ้น ขณะที่งานวิจัยในปี 2007 ก็เสนอว่า คนที่ชนะได้เงินเกือบ 10,000,000 จากหวย จะมีสุขภาพจิตดีกว่าคนที่ไม่เคยชนะเลย
อ้างอิงจาก