ว่ากันว่าโลกปัจจุบัน สังคมเราอยู่กันอย่างโดดเดี่ยวมากขึ้น การอยู่คนเดียวเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป …เช่นเดียวกันกับการตายคนเดียว
ประชากรเกาหลีใต้กว่า 3,000 คนตายอย่างเดียวดายเมื่อปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคนที่อยู่คนเดียว ตัดขาดจากครอบครัว ตายจากการฆ่าตัวตาย–อาการป่วย และมักจะตายแบบที่ไม่มีใครรับรู้ในทันที ไม่มีใครมาพบศพหลายวัน บางครั้งนานหลายสัปดาห์
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ‘โกดกซา’ (godoksa) ที่มีความหมายว่า ‘ความตายที่โดดเดี่ยว’ ในภาษาเกาหลี ปรากฏการณ์นี้กลายเป็นปัญหาระดับชาติในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพราะจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเดียวดายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กระทรวงสุขภาพและสวัสดิการเกาหลีใต้ปล่อยรายงานสถิติการตายอย่างเดียวดาย ข้อมูลบ่งชี้ว่า มีประชากร 3,378 ตายอย่างเดียวดายในปี 2021 เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2020 ที่มีคนตายลักษณะนี้ 3,279 ราย
สถิติบ่งชี้ว่า อัตราการตายอย่างเดียวดายเพิ่มสูงขึ้น 8.8% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยคนที่ตายลักษณะนี้มีจากหลากหลายช่วงวัย แต่ตัวเลขของชายวัยกลางคนและชายสูงอายุที่ตายอย่างเดียวดายสูงอย่างมีนัยสำคัญ
สถิติที่น่าสนใจ คือ มีผู้ชายต้องเผชิญกับการตายอย่างเดียวดายสูงกว่าผู้หญิงถึง 5.3 เท่า โดยมีผู้ชายตายอย่างเดียวดาย 2,817 ราย ขณะที่ผู้หญิงตายอย่างเดียวดาย 529 ราย
นอกจากนี้ สถิติบ่งชี้ว่า ผู้คนในวัย 50 และ 60 ตายอย่างเดียวดายสูงถึง 60% จากจำนวนทั้งหมด ขณะที่คนวัย 40 และ 70 ก็มีจำนวนที่สูงไม่แพ้กัน ขณะที่คนวัย 20-30 จะอยู่ที่ราวๆ 6-8%
รายงานสถิติไม่ได้ระบุว่า สาเหตุของการตายอย่างเดียวดายคืออะไร แต่ปรากฏการณ์โกดกซาถูกศึกษามาเนิ่นนานโดยรัฐ เพราะหวังจะทำความเข้าใจว่าสาเหตุที่มาคืออะไร แล้วต้องทำอย่างไรเพื่อสนับสนุนดูแลกลุ่มคนที่เปราะบาง
เกาหลีใต้คือหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับปัญหาจำนวนประชากรลดลง และผู้คนไม่อยากมีลูกมากขึ้น โดยอัตราการเกิดของเกาหลีใต้ต่ำลงมาตลอดตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายให้เหตุผลว่า เพราะวัฒนธรรมการทำงาน ค่าครองชีพที่พุ่งสูง และรายได้ที่ไม่สูงพอจะเลี้ยงลูกได้
ทั้งนี้ เมื่อปี 2021 รัฐบาลเพิ่งประกาศใช้กฎหมาย ‘ป้องกันและจัดการการตายอย่างโดดเดี่ยว’ ที่บัญญัติให้มีการอัพเดทจำนวนคนเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในทุกๆ 5 ปี เพื่อประโยชน์ต่อการจัดทำนโยบายเพื่อป้องกันการตายลักษณะนี้
อ้างอิงจาก