ยิ่งใกล้เลือกตั้งเท่าไหร่ บรรยากาศทางการเมืองก็จะยิ่งดุเดือดมากเท่านั้น ล่าสุด มีวิวาทะออนไลน์ระหว่าง อนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทย และเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เหตุเพื่อไทยปราศรัยพาดพิงนโยบายกัญชาและการเลือกนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทย
เกิดอะไรขึ้น? แคนดิเดต 2 พรรคใหญ่เถียงอะไรกัน? The MATTER สรุปไว้ ดังนี้
1. กลางดึกเมื่อวานนี้ (1 พฤษภาคม) เฟซบุ๊ก ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ โพสต์ข้อความถึงเศรษฐา โดยเริ่มต้นประโยคว่า “จากหนูถึงพี่นิด” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของ 2 นักการเมืองผู้ตกเป็นประเด็น
ก่อนจะฟาด อนุทินออกตัวว่า ไม่คิดว่าจะต้องแสดงความเห็นถึงการปราศรัยของพรรคใด เพราะถือเป็นมารยาททางการเมืองและยึดมั่นในหลักการไม่ปราศรัยใส่ร้ายโจมตีใคร แต่ต้องพูดถึงการปราศรัยที่ จ.นครพนม ของเศรษฐา ทวีสิน เพราะเชื่อว่าเพื่อไทยปราศรัยใส่ร้ายพรรคตนเอง
2. เศรษฐาปราศรัยอะไร? แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย พูดบนเวทีปราศรัย จ.นครพนม เมื่อวานนี้ (1 พฤษภาคม) ว่า “ถ้าไม่เอาลุงตู่ ก็ต้องไม่เอาพรรคภูมิใจไทย” พร้อมขอให้กาเพื่อไทย 2 ใบ เพราะหากกาแบ่งให้ภูมิใจไทย พล.อ.ประยุทธ์ อาจกลับมา
“ปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ผู้เสพจะเปลี่ยนเป็นผู้ป่วย ผู้ค้ายาจะถูกจับโดยเด็ดขาด ยาเสพติดเยอะขนาดนี้ พรรคภูมิใจไทยยังเสนอกัญชาเสรีอีก เรายอมไม่ได้ และอย่าให้เขามาหลอกเรา พรรคเพื่อไทยเชื่อกัญชาทางการแพทย์อย่างเดียว” เศรษฐา กล่าว
3. จึงเป็นเหตุให้อนุทินเปิดศึกกับเศรษฐาผ่านคีย์บอร์ดนั่นเอง อนุทินเริ่มด้วยการอธิบายว่า ‘พี่นิด’ หรือเศรษฐาเปลี่ยนไปมากตั้งแต่เข้าวงการการเมือง พร้อมแนะนำให้เศรษฐาในฐานะ ‘รุ่นพี่’ ทางการเมืองว่า ไม่ควรใส่ร้ายป้ายสี ด่าคนอื่น โกหก แต่ควรทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์
4. ในการปราศรัยของเศรษฐามีการพูดถึงนโยบายกัญชาของภูมิใจไทยอนุทินย้ำจุดยืนว่า “พรรคภูมิใจไทย ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี” โดยอ้างว่าได้ออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิด ส่งเสริมกัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ
อนุทินตั้งคำถามถึงเศรษฐาว่า “พี่นิดทราบไหมครับว่าพรรคเพื่อไทยลงมติถอดกัญชาออกจากประมวลกฎหมายยาเสพติด และลงมติรับหลักการร่างกฎหมายกัญชากัญชง … ต้องรู้ด้วยว่า การที่พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่สนับสนุนการออกกฎหมายกัญชากัญชง จึงทำให้เด็กมีโอกาสเข้าถึงกัญชาได้ เพราะไม่มีกฎหมายควบคุม”
5. สำหรับใครที่สับสน อนุทินกำลังพูดถึง ‘ร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง’ ฉบับพรรคภูมิใจไทย ร่างกฎหมายนี้ผ่านการลงมติรับหลักการในวาระที่ 1 จากสภาด้วยคะแนน 373 ต่อ 7 เสียงจากผู้ลงมติ 400 คน แน่นอนว่ามี ส.ส.เพื่อไทยเป็นหนึ่งในผู้ลงมติรับหลักการ
อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายนี้โดนเตะถ่วงระหว่างการพิจารณาในวาระที่ 2 จากหลายพรรค และมี ส.ส.เพื่อไทย ลุกขึ้นค้านร่างระหว่างการพิจารณาด้วย เช่น สุทิน คลังแสน ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่ติงตั้งแต่คำปรารภของร่างกฎหมายที่ปรากฎว่า ‘กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด‘ เพราะมองว่าอาจสร้างความใจผิดว่าสภาปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดแล้ว
แล้วรับวาระที่ 1 ทำไมตั้งแต่แรก? สุทินเคยให้เหตุผลการสภาไว้ว่า เหตุที่สภารับหลักการร่างนี้ในวาระที่ 1 เพราะมีการนำ พ.ร.บ.กัญชาฯ มาเป็นตัวประกัน เพราะกระทรวงสาธารณสุขดันออกประกาศปลดล็อกกัญชาก่อนมีกฎหมายระดับ พ.ร.บ. เลยต้องรับหลักการไปก่อนเพื่อควบคุมหลังการปลดล็อกนั้น
ทำให้ตอนนี้ไทยอยู่ในภาวะสูญญากาศทางกฎหมายในการควบคุมกัญชา เพราะตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดตั้งแต่ 9 มิถุนายน 2565 บ้านเราก็ยังไม่มีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติที่ออกมาควบคุมพืชชนิดนี้
6. นอกจากเรื่องกัญชา เศรษฐายังปราศรัยถึงการโหวตเลือกนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทยด้วย ซึ่งอนุทินชี้แจงว่า ภูมิใจไทยเสนอชื่อเขาเป็นนายกฯ ชัดเจน ไม่เคยพูดว่าถ้าเลือกภูมิใจไทยจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ “การที่พี่นิดปราศรัยบนเวทีว่า เลือกภูมิใจไทยได้ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการให้ข้อมูลเท็จกับประชาชน ผิดกฎหมายเลือกตั้ง” อนุทิน ระบุ ก่อนจะบอกว่าถ้าเลือกเพื่อไทยก็ไม่รู้เศรษฐาจะได้เป็นนายกฯ ไหม เพราะคะแนนนิยมน้องกว่าแพทองธาร ชินวัตร
7. ยังไม่จบแค่นั้น อนุทินซัดอีกว่า เศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่กี่วัน แต่ทำให้พรรคเพื่อไทยมีทางเดินแคบลงทุกวัน เพราะสร้างเงื่อนไขไม่จับมือพรรคนั้นนี้ ดูถูกนักการเมืองว่าไม่มีความรู้ ทั้งๆ ที่เศรษฐาต่างหากที่ไร้ประสบการณ์การเมือง เป็นเพียงนักธุรกิจที่ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จทางการเมืองก็ได้ เพราะการเมืองไม่ใช่ธุรกิจ
“นักการเมือง โดยเฉพาะคนจะเป็นผู้นำประเทศ ต้องสร้างความรักสามัคคีของคนในชาติ ไม่ใช่สร้างความขัดแย้งหรือสร้างกำแพงใส่กัน หลังวันที่ 14 พฤษภา พี่นิดจะได้เรียนรู้การเมืองอีกแบบ ผมให้กำลังใจครับ” อนุทิน ทิ้งท้าย
8. เศรษฐาไม่ได้นิ่งเฉยกับโพสต์ฝากไว้ให้คิด 7 ข้อยาวเหยียดจากอนุทิน เพราะช่วงเช้าของวันนี้ (2 พฤษภาคม) เศรษฐาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าว เริ่มด้วยการขอบคุณที่อนุทินให้ข้อคิดกับรุ่นน้องทางการเมืองแบบเขา แต่ขอแย้งว่าไม่ได้เปลี่ยนไปนะ เพราะยังเป็นเศรษฐาคนเดิมที่ไม่ได้โจมตีตัวบุคคลตั้งแต่อยู่ในภาคธุรกิจ พร้อมยืนยันหลักการว่าต้องพูดกังการกระทำได้ หากการกระทำนั้นส่งผลกระทบต่อสังคม
9. แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยอธิบายว่า การลงพื้นที่ช่วยสะท้อนความทุกข์ใจของประชาชนที่ไม่พอใจปัญหายาเสพติด รับไม่ได้กับเยาวชนที่สูบกัญชา และรับไม่ได้ที่อนาคตของชาติต้องใช้ชีวิตในบ้านเมืองแบบนี้ พร้อมกับบอกว่า ความสำเร็จในมุมมองของอดีตนักธุรกิจที่อาสามาทำงานการเมือง คือ ผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
“ผมไม่ใช่คนที่จะขัดแย้งกับใคร ผมเชื่อในการพูดคุย รับฟัง เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน ผมก็พร้อมที่จะขัดแย้งที่อาจทำให้ทางเดินทางการเมือง “แคบลง” เพื่อ “เปิดกว้าง” อนาคตให้กับลูกหลาน มากกว่าที่จะเกรงใจคนนั้นคนนี้เพื่อ “เปิดกว้าง” ทางการเมืองแต่ทำให้ทางออกอนาคตของลูกหลานพวกเรา “แคบลง”’ เศรษฐา ระบุ ก่อนทิ้งท้ายว่าขอให้อนุทินดูแลสุขภาพ ตบท้ายด้วยแฮชแท็ก #ไม่เอากัญชาเสรี
10. และนี่คือสรุปวิวาทะอนุทิน VS เศรษฐา ที่ว่าด้วยเรื่องกัญชา การโหวตนายกฯ ของภูมิใจไทย และมารยาททางการเมือง อย่างไรก็ดี ประชาชนจำนวนมากตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมอนุทินถึงโบ้ยปัญหากัญชาให้กับพรรคการเมืองอื่น เพราะพรรคเป็นเจ้าของเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงที่ออกประกาศปลดกัญชาออกจากยาเสพติดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565
ดังนั้น ประเด็นที่สำคัญจึงอาจไม่ใช่วิวาทะระหว่างนักการเมือง แต่สิ่งที่น่าจับตากว่า คือการไม่มีกฎหมายควบคุมกัญชาในบ้านเรา
อ้างอิงจาก
https://thematter.co/quick-bite/marijuana-law-bhumjaithai/189821
https://voicetv.co.th/read/98anfgDEm
https://thematter.co/brief/202442/202442