“เควียร์เบททิง คือการดึงกลุ่มเป้าหมายไว้หลายๆ กลุ่ม เพราะนอกจากจะไม่กระทบคนดูที่เป็นอนุรักษนิยมแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณกับผู้ชมกลุ่มเพศหลากหลายได้อีกด้วยว่าสื่อยังต้องการพวกเขา”
ในขณะนี้เข้าสู่เดือนแห่งการเฉลิมฉลองของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ (Pride Month) อย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดมีคนออกมาพูดถึงประเด็นที่นักแสดงและค่าย หนึ่งว่าแทบจะไม่สนับสนุนสิทธิของเพศหลากหลาย แต่กลับฉกฉวยอัตลักษณ์ของพวกเขามาสร้างสรรค์ผลงานทั้งภาพยนตร์ และซีรีส์จนสร้างรายได้จำนวนมหาศาล
เมื่อวานนี้ (4 มิถุนายน) มีการจัดงานบางกอกไพร์ดที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด ‘Beyond Gender? หรือ ประเด็นความไม่เท่าเทียมทางเพศอะไรที่คุณอยากก้าวข้าม? ซึ่งมีผู้คนเข้าร่วมมากมายเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมและสิทธิทางกฎหมายต่างๆ ของกลุ่มเพศหลากหลาย แต่ในขณะเดียวกัน มีผู้คนออกมาจุดประเด็นหนึ่งว่า
“ตัวตลกที่สุดในทวิตเตอร์ที่ฟันกำไรจากการฉกฉวยเอาอัตลักษณ์คนในคอมมู LGBTQIAN+ มาใช้หากินไปหลักร้อยล้าน แต่กลับไม่มีคอนเทนต์ ไม่มีการส่งนักแสดงในสังกัดไปงานไพร์ด หรือให้ออกมาคอลเอ้าท์ใดๆ ทั้งสิ้น” พร้อมกับแนบรูปโลโก้ของค่ายดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เควียร์เบททิง (Queerbaiting) หรือการตลาดที่ลดทอนความหลากหลายทางเพศให้กลายเป็นคอนเทนต์ เริ่มเป็นที่พูดถึงเป็นระยะๆ ในช่วงไม่กี่ปีนี้ที่ผ่านมา อย่างเมื่อปี 2007 ที่ เจ.เค.โรว์ลิง (J.K. Rowling) นักเขียนชื่อดัง ออกมาประกาศว่า ดัมเบิลดอร์ (Dumbledore) เป็นเกย์
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยกล่าวถึงอัตลักษณ์ของตัวละครนี้มาก่อนเลย ทั้งในหนังสือและภาพยนตร์ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงถูกมองว่าเป็นเควียร์เบททิง ที่โดนวิจารณ์อย่างแพร่หลาย ที่คาดว่าทำไปโดยไม่ได้มีเจตนาจะสนับสนุนกลุ่ม LGBTQIAN+ อย่างแท้จริง
รวมทั้งสื่ออย่าง ‘ซีรีส์วาย’ ก็ถือเป็นเควียร์เบททิง เพราะแม้ว่าคอนเทนต์เหล่านี้จะมีตัวละครหลักที่เป็นเกย์ แต่บทบาทตัวละครก็มักจะติดอยู่กับรักต่างเพศแบบชายหญิงอยู่ดี เพราะจะต้องมีฝ่ายหนึ่งที่มีความเป็นชาย (Masculinity) มากกว่าเสมอ
ทำให้แทนที่จะเป็นตัวแทนของเพศหลากหลายในสื่อจริงๆ กลับกลายเป็นการส่งเสริมชุดความคิดที่ว่าความรักของเพศเดียวกันต้องเป็น ‘พระเอก -นายเอก’ เท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นการส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ หนำซ้ำยังเป็นการเหมารวม หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าความรักของเพศหลากหลายต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้
มีคนแสดงความเห็นว่า “ความจริงที่ต้องยอมรับคือ นักแสดงวายไม่มีสิทธิที่จะไม่สนใจเดือนแห่งไพร์ดด้วยซ้ำ เพราะหากินกับคอมมูนี้ แต่แทบไม่สนับสนุนสิทธิให้พวกเขาเลย เพียงแค่ออกมาพิมพ์ข้อความไม่กี่บรรทัด หรือใช้อิโมจิเกี่ยวกับ LGBTQIAN+ เพราะกลัวโดนต่อว่า และยังมีอีกหลายคนที่เงียบกริบ”
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ายังมีสื่ออีกมากในสังคมที่ไม่ได้ยอมรับเพศหลากหลายอย่างแท้จริง แต่กลับนำอัตลักษณ์ของพวกเขามาสร้างเม็ดเงิน ซึ่งเป็นการลดทอนอัตลักษณ์และตัวตนของคนให้กลายเป็นแค่คอนเทนต์ เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าราวกับว่าการมีอยู่ของพวกเขาไม่มีจริง
อ้างอิงจาก