กรณีแพทย์อินเทิร์นลาออกกลายมาเป็นประเด็นทางสังคมที่ได้รับการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง นำไปสู่การสะท้อนปัญหาของบุคลากรทางแพทย์ จนเมื่อวานนี้ (6 มิถุนายน) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ได้ออกแถลงถึงประเด็นดังกล่าว
ในวันนี้ (7 มิถุนายน) ทางสหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงานจึงได้ออกแถลงการณ์ถึงการแถลงข่าวของ สธ. โดยเนื้อความระบุขอบคุณที่ทางกระทรวงออกมายอมรับถึงปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ในประเด็นการขาดแคลนแพทย์, การสูญเสียแพทย์ออกจากระบบ, และการให้บริการภาครัฐอย่างต่อเนื่องจากสาเหตุภาระงานมากเกินศักยภาพ ทั้งจำนวนชั่วโมงที่ติดต่อนานกันสูงสุดมากกว่า 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมถึงค่าตอบแทนที่ไม่เหมาะสมกับภาระงานที่แพทย์ต้องรับผิดชอบ
ทางสหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน ยังระบุเพิ่มเติมถึงปัญหาของการทำงานเป็นระยะเวลาต่อเนื่องมากกว่า 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ว่า นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตของผู้ป่วยแล้ว “ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของแพทย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางภาครัฐได้มองข้ามความสำคัญ ทำให้ปัญหาส่วนนี้ฝังรากลึกในระบบสาธารณสุขไทยมาเป็นระยะเวลานาน”
อย่างไรก็ดี ในการแถลงการณ์ของสหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงานก็ยังกล่าวถึง แถลงของ สธ. เมื่อวานนี้อีกว่า แม้จะมีการกล่าวถึงถึงข้อจำกัดและการแก้ไขปัญหาเรื่องแพทย์ลาออกแล้ว แต่แนวทางการแก้ไขก็ยังปราศจากความชัดเจน ทั้งยังไม่ได้กล่าวถึงปัญหาหลักอย่างการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร, การแก้ไขปัญหาเรื่องความโปร่งใสในการจัดสรรภาระงาน หรือการเพิ่มการเข้าถึงการบริการสุขภาพในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ ‘น่าผิดหวัง’ เป็นอย่างมาก
รวมไปถึง สหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงานยังได้เชิญรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเข้าร่วมประชุมและหาทางออกร่วมกันจากหลายภาคส่วน แต่จนถึงวันนี้ ก็ได้คำตอบกลับมาเพียงว่า “ปัญหาเหล่านั้นอยู่นอกเหนือความสามารถของกระทรวงที่จะปรับเปลี่ยนเรื่องค่าตอบแทนและตำแหน่งเพิ่มเติมที่เหมาะสมให้กับแพทย์” ซึ่งทางสหภาพก็มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี ทางสหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงานก็ได้แสดงจุดยืนว่า “ขอยืนหยัดเคียงข้างแพทย์ผุ้ปฏิบัติงานทุกท่าน ไม่ว่ากี่รัฐบาลจะเปลี่ยนผ่าน เราจะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมและการกดขี่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย จนกว่าวิชาชีพของพวกเรา จะสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้โดยปราศจากความกังวลและแรงกดดันจากการทำงานที่ถูกกดขี่อย่างไม่เป็นธรรม”
พร้อมทั้งสหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงานก็ฝากถึงว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคนถัดไป จะได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากความพยายามในการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน ไม่ยึดติดกับกฏเกณฑ์ที่ขัดขวางการพัฒนาวงการแพทย์และระบบสาธารณสุขไทย โดยยึดประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง หยุดเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ป่วย คืนความเป็นมนุษย์ให้แพทย์ และบุคลากรสาธารณสุขทุกวิชาชีพ