คำพูดของ หยก-ธนลภย์ เยาวชนวัย 15 ปี จากเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอ หลังโรงเรียนเตรียมศึกษาพัฒนาการ ออกประกาศฉบับที่ 2 โดยยืนยันว่าเธอพ้นสภาพนักเรียน หลังไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการมอบตัวที่กำหนดให้นักเรียนต้องมามอบตัวพร้อมผู้ปกครอง
วันนี้ (17 มิถุนายน) เวลา 15.00 น. เพจงานประชาสัมพันธ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ออกประกาศโดยระบุใจความว่า หยกไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการมอบตัว ที่กำหนดให้นักเรียนทุกคนต้องมามอบตัวพร้อมผู้ปกครอง อันเป็นเงื่อนไขสำคัญตามระเบียบสิทธิในการศึกษา นอกจากนี้ โรงเรียนกล่าวต่อว่า ยังมีหน่วยงานการศึกษาอื่นที่สามารถดูแลการเรียนต่อให้เหมาะตามความต้องการได้ ทั้งนี้ ทางโรงเรียนยังกล่าวปิดท้ายว่า
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อความไม่ปลอดภัยต่อการดำเนินชีวิตของนักเรียน ครู รวมถึงอาคารทรัพย์สินอื่น ๆ ในโรงเรียน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด” พร้อมทั้งลงลายเซ็นประกาศโดย จินตนา ศรีสารคาม ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
หลังจากนั้นไม่นาน หยก-ธนลภย์ ก็โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กของเธอว่า
- หนูไม่ได้เข้าเรียนตามเวลาที่ใจปรารถนา แต่ที่หนูเข้าห้องสายตอนนี้เพราะถูกกีดกันไม่ให้เข้าโรงเรียน มันยากลำบากมาก หนูเข้าคาบตามเวลาที่กำหนดตลอด คาบไหนออดดังแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปทันที
- หนูไม่ได้เลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ชอบ แต่หนูเห็นว่าวิชาจริยธรรม เป็นวิชาที่ไม่มีประโยชน์ หนูคิดว่าสอนกันมาแบบนี้ก็ไม่มีใครเป็นคนดีขึ้น จากการต้องฟังว่าเราต้องเป็นคนดี
- หนูไม่ได้ต่อต้านทุกกิจกรรมของโรงเรียน เหมือนกับในคุกบ้านปรานีเช่นกัน หนูไม่ท่องอาขยานก่อนกินข้าว แต่ถ้าต้องทำความสะอาดตรงกลางหนูก็ทำ เรื่องไหว้ครู ต่างๆ หนูเห็นว่าไม่มีประโยชน์กับเยาวชนและนักเรียน
- การกระทำนี้ ไม่ใช่หนูดื้อแพ่งโง่ๆ แต่หนูคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ในโรงเรียนในประเทศคือเรื่องไม่ปกติ เด็กหลายคนก็คงอยากแต่งตัวไปรเวทเหมือนกันแหละ แต่อาจจะถูกพ่อแม่ไม่ให้ สังคมไม่ให้ โครงสร้างที่กดทับ ถูกโรงเรียนกดทับ แล้วก็ไม่มีความสามารถที่จะเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เริ่มมาตั้งแต่ในชั้นเป็นเด็ก แล้วคุณจะคาดหวังว่าเราจะมีผู้ใหญ่ที่โตไปเป็นผู้พิพากษาหรือข้าราชการ หรือคนมีตำแหน่งแล้วให้เขากล้าหาญที่จะขัดคำสั่งของเจ้านายในเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรได้ยังไงกันคะ
- สังคมไทยก็ต้องเปลี่ยนตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหนคะ หนูพูดในฐานะที่ตัวเองเป็นเยาวชนเพราะเปลี่ยนเพื่อให้หนูได้อยู่ต่อ ให้เพื่อนๆทุกคนได้ไปต่อพร้อมกัน การที่ผู้ใหญ่ชอบโลกแบบของผู้ใหญ่ก็คือเรื่องหนึ่ง แล้วพวกหนูในฐานะเด็กมีถ้าอยากเปลี่ยนแปลงเราต้องทำยังไง การร้องขอดีๆ หลายสิบปีที่ผ่านก็ปรากฏชัดแล้วว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
“ในวันนี้สิ่งที่หนูทำไม่ได้เป็นเรื่องฆ่าคนตาย เป็นการแสดงออกทางความคิดผ่านสัญญะ การแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ทำให้หนูเรียนไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เรียนไม่ได้คือโรงเรียนและบุคลากร เรื่องนี้เป็นบททดสอบของสังคมไทยทำให้เห็นว่าจะพิสูจน์อะไรอีก ถ้าตกลงแล้วสถานศึกษาหรือทัศนคติของสังคมไทยว่าจะยังไง จะใช้วิธีปัดตกเขี่ยทิ้งกลบฝังคนที่อยากได้ความเปลี่ยนแปลงใช่ไหม” เธอกล่าวปิดท้าย
อ้างอิงจาก