การโคจรมาเจอกันของซันนี่กับชมพู่ ในเรื่องราวชีวิตคู่ที่ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกันต่อดี…
ถือเป็นหนังไทยไอเดียล้ำที่น่าจับตากับ Long Live Love (ลอง ลีฟ เลิฟว์) ชีวิตสุดวายป่วงของ 2 สามีภรรยาที่ ‘เธอเตรียมบอกลา แต่เขาดันมาความจำเสื่อม’ จากที่จะบอกเลิกจึงต้องเปลี่ยนมาดูแล จากจะขอหย่าจึงต้องเปลี่ยนมาเทกแคร์ แถมทำไปทำมากลายเป็นว่า หนุ่มความจำเสื่อมดันสามารถย้อนเวลากลับไปฟื้นฟูความทรงจำผ่านรูปถ่ายได้ซะงั้น เกิดเป็นสารพันเรื่องวุ่นๆ ที่ผู้ชมต้องร่วมลุ้นว่า ระหว่าง ‘การเริ่มรัก’ กับ ‘การเลิกรัก’ รักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
แม้ตัวอย่างจะพาให้เรารู้สึกว่า หนังที่ไม่มีชื่อไทยเรื่องนี้จะเป็นเพียงหนังโรแมนติก-คอเมดี้ เคล้าดราม่าอีกเรื่องที่ผ่านมาและผ่านไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก ทว่าเมื่อติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ เราน่าจะสามารถจัด Long Live Love เข้าไว้ในหมวดหนังไทยม้ามืดประจำปี 2566 ได้อย่างไม่ขัดเขิน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของหนัง นอกเหนือจากดนตรีประกอบกลิ่นอายอีสานที่มีลูกเล่น คือประเด็นความสัมพันธ์ที่เราเห็นได้ไม่บ่อยนักในหนังไทยเรื่องอื่นๆ เพราะแทนที่จะโฟกัสไปยังช่วงตกหลุมรักหรือตามจีบ ผู้กำกับกลับเลือกที่จะจับภาพช่วงเวลาที่ชีวิตคู่เริ่มจืดจาง เป็นทางแยกสำคัญที่ต้องเลือกว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ โดยมีปัจจัยมากมายที่ต้องใช้ประมวลผล ทั้งชีวิตของคนเป็นลูก ใครจะเป็นฝ่ายย้ายออกไป และเราจะเสียดายเวลาที่ใช้ร่วมกันมาบ้างรึเปล่า
การอยู่กินกับใครสักคนกว่า 10 ปีคงพาความสัมพันธ์มาถึงจุดที่ต่างฝ่ายต่างเบื่อ อาจไม่ถึงกับเลิกรัก ทว่าก็ไม่น่าจะหวานแหววเหมือนอย่างวันแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าทั้งคู่ไม่ได้ประคับประคองความรักอย่างเอาใจใส่มากพอ หนังฉายภาพให้ผู้ชมเห็นว่า ณ จุดหนึ่งซึ่งทุกอย่างกลายเป็นความชินชา ต่างฝ่ายก็ต่างเปลี่ยนไปเป็นอีกคน กลายเป็นคนที่เราในวันแต่งงานไม่เคยคิดอยากจะเป็น
หลายครั้งเราโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย เป็นเธอนั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องรับบทผู้ร้ายแบบนี้ และการทะเลาะเบาะแว้งก็ค่อยๆ ทำให้เราเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว เป็นเราเองที่เปลี่ยนเขาไปทีละนิด พร้อมกับที่เขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเราเช่นกัน จนสุดท้ายคู่ของเรากลายเป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบัน
ความยาวที่มากถึง 2 ชั่วโมง 14 นาที อาจจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูยืดเยื้ออยู่บ้าง ทว่าก็ช่วยสร้างข้อดีอย่างการช่วยให้คนดูรู้สึกผูกพันกับตัวละคร อินไปกับทุกประโยคสนทนา น้ำตา และอ้อมกอด ซึ่งบทสรุปของเรื่องราวจะเป็นอย่างไรคือสิ่งที่เราอยากให้ทุกคนไปลุ้นกันในโรงภาพยนตร์ แต่ประเด็นหนึ่งที่เราบอกกรายๆ ได้ตั้งแต่ตอนนี้ คือหนังทำให้ผู้ชมเข้าใจเป็นอย่างดีว่า มันคือเรื่องธรรมดาที่ทุกความสัมพันธ์จะต้องผ่านทั้งวันที่ร้องไห้และยิ้มได้ จึงไม่แปลกเลยที่หลายคนจะให้คำจำกัดความว่า Long Live Love คือ Marriage Story สัญชาติไทย
จุดหนึ่งที่เชื่อว่าผู้ชมน่าจะเห็นตรงกันคือความพิถีพิถันทางการแสดงของชมพู่—อารยา เอ. ฮาร์เก็ต ที่งัดทุกกลเม็ดในการรับบทเป็นเมตตา ภรรยาผู้แหลกสลาย ทุกครั้งที่เธอร้องไห้สามารถสะกดคนดูได้อยู่หมัดจนเราแอบปลื้มปริ่มอยู่ในใจที่เธอกลับมาคืนจอเงินอีกครั้งหลังห่างหายไปนานถึง 4 ปี
ทางฝั่งของนายสติ (ตัวละครชื่อนี้จริงๆ) ที่รับบทโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ก็ทำหน้าที่ได้ดีตามมาตรฐาน เป็นสามีที่มีทั้งด้านดีและแย่ เห็นถึงเนื้อแท้และเลือดเนื้อของความเป็นมนุษย์ และการร่วมเฟรมกับเบ็คกี้—รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ที่รับบทเป็นลูกสาววัยกำลังเฮี้ยวที่ชื่อนะโม ก็ดูกลมกลืนและพอจะเชื่อได้ไม่ยากว่าเขาเป็นพ่อลูกกันจริงๆ
นอกจากนี้ ทั้ง ป๋อมแป๋ม—นิติ ชัยชิตาทร ในบทพี่ชายต่างแม่ของซันนี่ ปีเตอร์—นพชัย ชัยนาม ในบทเพื่อนสายตี้ และ นนท์—ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ ในบทรุ่นน้องสายเสี้ยม ต่างก็เข้ามาเพิ่มสีสันให้เนื้อหาดราม่าหนักหน่วงมีเสียงหัวเราะเป็นช่วงๆ ตลอดเรื่อง และอีกคนที่คงไม่ชมไม่ได้คือ เอม—ภูมิภัทร ถาวรศิริ ที่แม้จะแวะมาแจมเพียงไม่กี่นาที แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการออกแบบคาแร็กเตอร์ แถม Long Live Love ก็นับเป็นหนังไทยเรื่องที่ 4 ในปีนี้ของเขาแล้วด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด ความแม่นยำของจังหวะตลกก็เป็นอีกอย่างที่เตะตา และอันที่จริงก็เตะต่อมความฮาของเราได้แทบทุกมุก ทั้งที่หลายประโยคสนทนาของตัวละครก็ไม่ใช่คำที่เราใช้พูดกันในชีวิตจริง แต่ด้วยความชำนาญที่ผ่านซิตคอมอย่างเนื้อคู่ประตูถัดไป กับ เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร มาแล้วของผู้กำกับที่ชื่อ มุก—ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ ก็ช่วยให้เธอเข้าใจเป็นอย่างดีว่าจังหวะขำต้องอยู่ตรงไหน จังหวะผ่อนต้องมีมากน้อยเพียงใด กลายเป็นว่าเราขำไป น้ำตาซึมไปหลายต่อหลายครั้ง
สุดท้ายนี้ Long Live Love คือหนังที่เหมาะสมกับผู้ที่ผ่านชีวิตคู่มาสักระยะ ทว่าด้วยประเด็นความรักอันอบอุ่น ก็น่าจะทำให้คนทุกวัยรู้สึกเชื่อมโยงกับทั้งเมตตาและสติได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และแม้ช่วงครึ่งเรื่องหลังจะมีจุดติดขัดอยู่บ้าง หนังก็ยังสามารถหยิบยื่นปลายทางที่น่าพอใจ มีทั้งสุข เศร้า และซึ้งปะปนกันไปสมกับเป็นภาพยนตร์แนวฮา-ม่า (เฮฮา-ดราม่า) อย่างที่ค่ายหวังให้เป็น
และที่สุดแล้ว ก่อนจะตบเท้าออกจากโรง หลายคนอาจจะตระหนักได้ไม่ต่างกันว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของทุกความรัก น่าไม่ใช่สิ่งอื่นใด นอกเสียจากชื่อของ 2 ตัวละครหลักใน Long Live Love นั่นเอง
ดูตัวอย่าง Long Live Love ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=JMNrA12cpC8
และชมภาพยนตร์ได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=168131069551077&set=pb.100090625534824.-2207520000.&type=3