“ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่บริหารประเทศที่โอบรับความฝันอันหลากหลายของทุกคนได้ หากนี่คือสิ่งที่ทุกท่านอยากเห็น ให้โอกาสประเทศไทยได้เดินไปข้างหน้า โดยการบริหารของรัฐบาลพรรคร่วม 8 พรรค ที่นำโดยนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”
ก่อนจะถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ในรัฐสภา วันนี้ (11 กรกฎาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นถึงประชาชน ส.ส. และ ส.ว. โดยระบุว่า ขอโอกาสให้รัฐบาลเสียงข้างมากได้จัดตั้ง และทำงานต่อเพื่อให้ประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบปกติอย่างที่ควรจะเป็น
พิธาเริ่มกล่าวถึงผลคะแนนจากวันเลือกตั้งที่มีประชาชนเลือกพรรคก้าวไกลมากถึง 14,438,851เสียง ทำให้พรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคอันดับหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ทุกคนต้องการประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม
เขาย้ำด้วยว่า เพื่อตอบสนองเจตจำนงของประชาชน พรรคก้าวไกลได้รวบรวมพรรคการเมือง 8 พรรค ซึ่งคิดเป็น 72% จากผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง มาร่วมกันเพื่อเตรียมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากเป็นสถานการณ์การเมืองปกติ ก็คงสามารถเข้าไปบริหารประเทศได้แล้ว
“แต่จนถึงวันนี้ เกือบ 2 เดือนหลังเลือกตั้ง การโหวตนายกฯ เพิ่งจะมาถึง และเรายังต้องการตัดสินใจจาก ส.ว.ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนหรือไม่”
พิธายังระบุว่า วันนี้ประเทศยังไม่อยู่ในระบบการเมืองแบบปกติเพราะอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนถูกล้มล้างครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยการรัฐประหาร นิติสงคราม และการยุบพรรค ซึ่งเกิดจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งยังคงอยู่กับเรา แต่การเลือกนายกฯ ครั้งนี้ก็เป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้เดินหน้ากลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบปกติ
“การโหวตเลือกนายกฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ไม่ใช่การเลือกพิธา ไม่ใช่การเลือกพรรคก้าวไกล แต่คือการเลือกเพื่อยืนยันว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตยแบบปกติ เช่นเดียวกับประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก”
“คือการเลือกเพื่อยืนยันว่า แม้เราจะยังอยู่กับระบอบรัฐธรรมนูญ ที่เอื้อต่อการเมืองที่ไม่ปกติ แต่สมาชิกรัฐสภาทุกคน สามารถร่วมกันใช้เสียงของตัวเองสานต่อเจตนารมณ์ที่ประชาชนแสดงออกผ่านการเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลที่เป็นตัวแทนเสียงข้างมากให้สำเร็จ”
นอกจากนี้ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกลยังย้ำว่า นี่คือภารกิจร่วมกันของเราทุกคนในฐานะสมาชิกรัฐสภา ผู้ถืออำนาจแทนประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
“ในโอกาสนี้ ผมขอสื่อสารไปยัง ส.ส. และ ส.ว.ทุกท่าน ท่านอาจจะไม่ชอบแนวทางการเมืองของพวกเราในระบอบปกติ แต่พวกท่านตรวจสอบผมได้ โจมตีผมได้ โหวตผมออกจากตำแหน่งก็ยังทำได้ แต่การโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมาก คือการให้โอกาสประเทศไทยเดินหน้าในแบบที่ควรจะเป็น”
พร้อมกันนี้ พิธายังกล่าวถึงประชาชนว่า เราผ่านวันเลือกตั้งมาแล้ว แต่ภารกิจยังไม่สำเร็จ การเปลี่ยนแปลงประเทศจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีรัฐบาลเสียงข้างมากที่จำนำพาประเทศเดินหน้า พร้อมแล้วที่จะเป็นนายกฯ ของทุกคน ไม่ว่าท่านจะเลือกพรรคไหน มีความเห็นทางการเมืองอย่างไร ปรารถนาถึงสังคมแบบไหน ก็ขอยืนยันว่าจะเป็นนายกฯ ที่โอบรับความฝันอันหลากหลายของทุกคน