“ต่อไปนี้ สว. และ พันธมิตรสามพรรค ‘ภจท/พปชร/รทสช’ มีอำนาจต่อรองกับเพื่อไทยว่า หากครั้งหน้า เสนอชื่อแคนดิเดตจากเพื่อไทย มาโดยที่ยังยึด ‘8 พรรค’ และมีก้าวไกลอยู่ พวกเขาก็จะไม่ลงคะแนนให้แคนดิเดตจากเพื่อไทยทำให้เพื่อไทยและพันธมิตร 8 พรรค อาจไม่กล้าเสี่ยงในการแบกก้าวไกลไว้อีกต่อไป”
หลังรัฐสภามีมติเห็นว่าไม่ให้เสนอชื่อโหวตพิธาเป็นนายกฯ ครั้งที่ 2 ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า เผยว่า มติที่ประชุมรัฐสภาวันนี้ (19 กรกฎาคม) จะทำให้ ส.ว. และพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ มีอำนาจต่อรองมากขึ้น และอาจทำให้ 8 พรรคร่วมไม่กล้าเสี่ยงอยู่กับก้าวไกลอีกต่อไป
ปิยบุตรเริ่มด้วยการอธิบายว่า ผลจากการประชุมรัฐสภา ทำให้เห็นความสำคัญของตำแหน่งประธานรัฐสภาแล้ว และผลจากการลงมติวันนี้กระทบถึงการลงมติในการเสนอชื่อแคนดิเดตจากเพื่อไทยในครั้งหน้าด้วย
“ต่อไปนี้ ส.ว. และ พันธมิตรสามพรรค -ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ- มีอำนาจต่อรองกับเพื่อไทยว่า หากครั้งหน้าเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรค เพื่อไทยมาโดยที่ยังยึด 8 พรรค และมีก้าวไกลอยู่ พวกเขาก็จะไม่ลงคะแนนให้แคนดิเดตจากเพื่อไทย”
“ทำให้เพื่อไทยและพันธมิตร 8 พรรค อาจไม่กล้าเสี่ยงในการแบกก้าวไกลไว้อีกต่อไป เพราะ หากเสนอแล้วไม่ผ่าน ก็อาจเป็นญัตติซ้ำ หรือจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นจากเพื่อไทยอีก หากพวกเขารวมหัวกันคว่ำอีก ก็จะกลายเป็นญัตติซ้ำไปเรื่อยๆ จนแคนดิเดตหมดสต๊อก” ปิยบุตรระบุ
ซึ่งเลขาธิการคณะก้าวหน้าระบุว่า หากเป็นเช่นนี้ ข้อต่อรองของภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติเปิดกว้างขึ้น
“หากปดิพัทธ์เป็นประธานรัฐสภา วันนี้ ผมมั่นใจว่า เขาจะกล้าใช้อำนาจประธานยืนยันว่า การเสนอชื่อนายกฯ ไม่ใช่ ญัตติ หรือต่อให้ลากไปเป็นญัตติซ้ำ แต่ก็มีข้อยกเว้นในข้อ 41 ตอนท้ายว่า ‘เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป’ ทำให้เสนอซ้ำได้” ปิยบุตร ทิ้งท้าย
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/piyabutr_fwp/status/1681613456439668736?s=46&t=CkgkAoTBvmvU45l66Uut4g