“พวกเราคุ้นเคยกับการเห็นจุดสีดำ (เพนกวิน) บนน้ำแข็ง แต่ในช่วงหลายปีนี้เราแทบไม่เห็นเลย” นักวิจัยที่เฝ้าดูภาพถ่ายดาวเทียมกล่าว
ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน เมื่ออุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้แข็งในทะเลแอนตาร์กติกาละลายลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนคุกคามสัตว์ที่โดดเด่นที่สุดของทวีปนี้ซึ่งก็คือ เพนกวินจักรพรรดิ (emperor penguins) ที่อาจจะสูญพันธุ์ในอีกไม่ช้านี้
เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า 4 ใน 5 ของลูกเพนกวินที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกของคาบสมุทรแอนตาร์กติกแทบจะไม่มีชีวิตรอดเลย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวประสบกับปัญหาการสูญเสียน้ำแข็งจำนวนมหาศาล โดยมีการคาดการณ์ว่ามากกว่า 90% ของอาณานิคมเพนกวินจักรพรรดิจะ ‘สูญพันธุ์’ ภายในปี 2100 หรืออีกไม่ถึง 100 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี นักวิจัยได้ติดตามอาณานิคมของเพนกวินจักรพรรดิ 5 กลุ่มในทะเลเบลลิงเฮาเซน ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่ 630-3,500 คู่ ซึ่งพวกเขาพบว่าในปี 2022 อาณานิคม 4 แห่งประสบกับความล้มเหลวในการสืบพันธุ์โดยสิ้นเชิง ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่มีลูกเพนกวินตัวไหนรอดชีวิตเลย
เพราะเพนกวินจักรพรรดิจะอาศัยอยู่ที่น้ำแข็งทะเลที่ติดอยู่กับพื้นดินเพื่อทำรังและเลี้ยงลูกๆ ของพวกมัน โดยจะวางไข่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และหลังจากลูกเพนกวินฟักออกมาพวกมันจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาขนที่กันน้ำได้ ถึงจะค่อยๆ แยกตัวเป็นอิสระในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
แต่ในปี 2022 น้ำแข็งในทะเลสลายตัวเร็วขึ้นมาก โดยบางส่วนของภูมิภาคแทบจะสูญเสียน้ำแข็งไปทั้งหมดภายในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ลูกเพนกวินอาจตกลงไปในน้ำและจมน้ำได้ “ลูกเพนกวินอาจจะลอยน้ำได้ แต่หลังจากนั้นพวกมันก็จะอดตาย” นอร์แมน แรตคลิฟฟ์ (Norman Ratcliffe) นักชีววิทยานกทะเลจากบริติชแอนตาร์กติกเซอร์เวย์ (British Antarctic Survey) กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์พยายามส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับการละลายอย่างรวดเร็วของน้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกา ซึ่งพวกเขาพยายามหาคำตอบว่าทำไมน้ำแข็งถึงละลายเร็วขนาดนี้ แต่หลายคนเชื่อว่าก็เกิดจากฝีมือมนุษย์นั่นแหละ
“มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่านกเพนกวินจักรพรรดิอาจสูญพันธุ์เพราะการสูญเสียน้ำแข็งในทะเลอันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน” แคสแซนดรา บรูคส์ (Cassandra Brooks) ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโดโบลเดอร์ระบุปิดท้าย
อ้างอิงจาก