“เมื่อรัฐใช้กฎหมายเป็นอาวุธ ทนายจึงต้องยืนหยัดต่อสู้กับความรุนแรงนี้ เพื่อปกป้องนิติรัฐ และระบอบประชาธิปไตย” ศูนย์ทนายฯ ระบุ
เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ภาวิณี ชุมศรี และ ศิริกาญจน์ เจริญศิริ 2 ทนายความจาก ‘ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน’ เดินทางไปยังนิวยอร์ก เพื่อรับรางวัล ‘ดิ อัลบี้ (The Albies)’ สาขาผู้ปกป้องประชาธิปไตย (JUSTICE FOR DEMOCRACY DEFENDERS) ประจำปี 2023 จากมูลนิธิคลูนีย์เพื่อความยุติธรรม (Clooney Foundation for Justice)
โดยศูนย์ทนายฯ ขึ้นรับรางวัลในฐานะองค์กรที่ทำงานเพื่อปกป้องสิทธินักเรียนนักศึกษา นักกิจกรรม และสื่อมวลชนที่ถูกจับกุมจากการชุมนุมและการแสดงออกอย่างสันติในไทย
ในพิธีรับรางวัล ศิริกาญจน์เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณที่มอบพื้นที่ให้ทางศูนย์ทนายฯ เล่าเรื่องงานและสถานการณ์ในประเทศไทย
“ในห้วงแห่งความมืดมน ทุกท่านเป็นดั่งแสงอาทิตย์ที่ทำให้วันอันยากเข็ญของเราสว่างไสวขึ้นและโดดเดี่ยวน้อยลง” ศิริกาญจน์กล่าว ก่อนจะเล่าถึงสถานการณ์ในประเทศไทยที่ยังคงมีประชาชนหลายพันคนถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมและแสดงความเห็นทางการเมือง
ศิริกาญจน์ ยังได้บอกเล่าเรื่องราวของ ‘อานนท์ นำภา’ ทนายความ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้าเรือนจำไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจากกรณีปราศรัยในวันที่ 14 ตุลาคม 2563
ศิริกาญจน์ยังเล่าถึงชีวิตของทนายอานนท์ ที่เป็นพ่อของลูกชายอายุ 10 เดือนและลูกสาวอีกคน พร้อมกับเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง ที่ทนายอานนท์ออกจากเรือนจำเพื่อถูกนำตัวไปศาล เขาเดินเข้าศาลเท้าเปล่า ในชุดนักโทษสีน้ำตาล จากนั้นเขาก็หันไปถามว่า “ครุยทนายผมอยู่ไหน”
ต่อมา ทนายอานน์ก็สวมครุยนั้นทับชุดนักโทษ และทำหน้าที่ทนายของเขา เพื่อปกป้องสิทธิของนักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่ที่ถูกดำเนินคดีร่วมกัน ‘จากการพูดความจริงต่อผู้มีอำนาจ’
ทั้งนี้ แม้ประชาธิปไตยของไทยจะถดถอยไปมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ศิริกาญจน์ก็ระบุว่า “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้มาถึงแล้ว”
ศิริกาญจน์กล่าวว่า มีคลื่นลูกใหม่ในขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และหลายคนก็เสียสละมหาศาลให้กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ศิริกาญจน์กล่าวว่ามีเยาวชนถูกดำเนินคดีเกือบ 300 คน และในจำนวนนี้ ลูกความที่อายุน้อยที่สุดคือเด็กอายุ 12 ปี ที่ถูกจับเพียงเพราะขี่จักรยานไปสังเกตการณ์เท่านั้น
“เราพร่ำกล่าวว่าเยาวชนคืออนาคตของชาติ แต่ประเทศไทยกลับกระชากอนาคตของเยาวชน ออกไปจากมือพวกเขา” ศิริกาญจน์กล่าว
ศิริกาญจน์กล่าวต่อว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนคงไม่มีวันนี้ หากคนไทยไม่ได้ลุกขึ้นมาสู้กับรัฐเผด็จการที่ซ่อนตัวอยู่ในที่แจ้ง ในสถาบันตุลาการ ในกฎหมาย และในรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐประหาร
“เรายังต้องเดินทางกันไปอีกไกลเพื่อไปให้ถึงประชาธิปไตยที่แท้จริง การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมนั้นไม่เคยง่าย” ศิริกาญจน์กล่าว
“แต่เวลาย่ำรุ่งจะมาถึงเสมอ การเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าอยู่ในมือของเราเอง เราจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าความหวังจะกลายเป็นความจริง เรายังต้องการความรักและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทุกท่าน”
“โปรดอย่าลืมนึกถึงพวกเราและสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองไทย” ศิริกาญจน์กล่าวทิ้งท้าย
อ่านคำแถลงฉบับเต็มได้ที่: tlhr2014.com