วันนี้ (3 ตุลาคม) รัฐบาลแถลงด่วนวาระสำคัญ ‘แก้รัฐธรรมนูญ-ดิจิทัลวอลเล็ต’ โดยภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติว่า
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มติ ครม.เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้ลงนามจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาการศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และหลังจากจัดตั้งแล้ว ผมก็ไปสรรหาคณะกรรมการจากวิชาชีพต่างๆ”
เขากล่าวต่อว่า ผมใช้เวลาทั้งสิ้น 2 อาทิตย์ ซึ่งเป็นเวลาที่ค่อนข้างช้าเนื่องจากเน้นคุยเรื่องหลักการจากมติ ครม.อย่างจะร่างรัฐธรรมนูญโดยทำประชามติจากประชาชนก่อน อย่างไรก็ตาม รธน.ฉบับนี้จะไม่แตะต้องพระมหากษัตริย์หมวด 1, 2 และพระราชอำนาจต่างๆ แต่ที่เหลือจะถูกแก้ไขให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
“โดยแนวโน้มที่เราตั้งไว้คือ ให้ รธน.ฉบับนี้จะต้องแล้วเสร็จภายในวาระ 4 ปีที่เราเป็นรัฐบาล ไม่เพียงเท่านั้น เราจะทำกฎหมายลูกให้เสร็จด้วย.. ซึ่งเราคาดหวังว่าการจัดทำ รธน.ฉบับนี้ควรจะเร่งรีบที่สุดเท่าที่จะทำได้”
และเขากล่าวต่อเกี่ยวกับขั้นตอนการทำประชามติ ซึ่งมีทั้งสิ้น 3 ขั้นตอน
- ประชาชนได้มีการรวบรวมชื่อ 50,000 ชื่อแล้ว แต่ขณะนี้กำลังตรวจสอบตัวตน
- ยื่นเสนอผ่านรัฐสภา ซึ่งก็ต้องใช้เวลาเช่นกันเพราะมีกระบวนการทางกฎหมายเยอะ
- หลังจากนั้นจึงจะให้ ครม.ยื่นต่อเพื่อทำประชามติเลย
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดนี้มีทั้งสิ้น 35 คน อาทิ
1. ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นประธาน
2. ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1
3. กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นรองฯ คนที่ 2
4. นิกร จำนง สส.พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นกรรมการและโฆษกคณะ
ขั้นตอนต่อไปเราก็จะไปพบกับกลุ่มตัวแทนจากวิชาชีพต่างๆ เพื่อรับคำปรึกษาด้วย เช่น นักธุรกิจ นักวิชาการ และเกษตรกร อย่างไรก็ดี เราจะเน้นคุยกับตัวแทนนักเมืองทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน”
นอกจากนี้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงประเด็นนโยบายดิจิตอลวอลเล็ตว่า “วันนี้ทางกระทรวงการคลังได้นำเสนอเรื่องต่อ ครม.เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว”
เขาระบุต่อ “เราได้มีการพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งได้มีการสรุปถึงความสำคัญของนโยบายดังกล่าวและยังแต่งตั้งคณะกรรมการที่จะดูแลส่วนนี้ ซึ่งนายกฯ เป็นประธาน และมีรองประธานทั้งสิ้น 4 คน ซึ่งแต่ละคนถือเป็นองค์ประกอบที่ครอบคลุมในการจัดทำนโยบายนี้ ทั้งแนวนโยบาย กรอบวงเงิน และแหล่งที่มาของงบประมาณ
“และถ้าโครงการเริ่มดำเนินการแล้ว คณะกรรมการนี้ยังจะติดตาม และถึงแม้ว่านโยบายนี้จะดำเนินการเสร็จสิ้นคณะกรรมการก็จะทำการสรุปผลว่าเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ หลังจากนี้ เราถึงจะมาสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายนี้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น” เขากล่าวปิดท้าย
.
.
.
อ้างอิงจาก