‘มนุษย์น่ากลัวมากแค่ไหน สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในป่า?’
ข้างต้นคือคำถามตั้งต้นของ Liana Zanette และ Michael Clinchy สองนักชีววิทยาอนุรักษ์ นำไปสู่การทดลองติดเครื่องอัดและขยายเสียงบนต้นไม้ใกล้กับแหล่งน้ำ 21 แห่งในช่วงฤดูแห้งของทุ่งหญ้าสะวันนา ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งมีสัตว์หลายสายพันธุ์ และพวกมันล้วนเติบโตและวิวัฒนาการอย่างใกล้ชิดกับสองนักล่าสำคัญอย่าง มนุษย์และสิงโต
นักวิจัยติดตั้งเครื่องดังกล่าวเป็นเวลา 6 สัปดาห์ และตั้งระบบให้มันสุ่มเล่าเสียงตามความเคลื่อนไหวที่จับได้ โดยเสียงที่อยู่ในเครื่องมีตั้งแต่เสียงที่อ่อนโยน เช่น เสียงนกท้องถิ่น จนถึงเสียงที่น่ากลัวขึ้น เช่น หมาเห่า, ปืน, สิงโตขู่และคำราม รวมถึงเสียงมนุษย์พูดอย่างอ่อนโยนในหลากหลายภาษาทั้ง ภาษาตองก้า, ภาษาแอฟริกัน รวมถึงภาษาอังฤษ
ผลจากการวิเคราะห์วีดีโอทั้งหมด 4,000 วีดีโอที่อัดไว้พบว่า เสียงพูดคุยของมนุษย์มีแนวโน้มทำให้สัตว์ อาทิ ยีราฟ, ม้าลาย, ไฮยีนา รวมถึงเสือดาววิ่งหนีจากแหล่งน้ำสูงกว่า 2 เท่า และวิ่งเร็วขึ้น 40% เมื่อเทียบกับเสียงคำรามของสิงโต เสียงเห่าของหมา หรือเสียงปืน อย่างไรก็ดี ช้างเป็นสัตว์ชนิดเดียวเท่านั้นที่เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสิงโต แล้วจะพยายามมองหาที่มาของเสียงเพื่อทำลายอุปกรณ์ (พวกมันวิ่งหนีเมื่อได้ยินเสียงมนุษย์เช่นกัน)
ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Current Biology เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาสรุปว่า เสียงของมนุษย์กระตุ้นความกลัวของสัตว์มากกว่าเสียงคำรามของสิงโต และสะท้อนว่ามนุษย์เป็นสปีชีย์ที่อันตรายอย่างที่สุดสำหรับสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าสะวันนา ด้านทีมนักวิจัยคาดว่าผลการทดลองนี้อาจช่วยป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาในพื้นที่อาศัยของมนุษย์ได้ เช่น ท้องถนน