เพราะทุกความรู้นำไปสู่ปัญญา การแชร์เนื้อหาให้เพื่อนจึงสำคัญ! (ใครมีเพื่อนชอบแชร์คลิป TikTok แชร์ข่าวสารในไลน์ ตามมาอ่าน ด่วน)
ย้อนกลับไปช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2010 อิซัก เยอซอน (Isak Gerson) นักเรียนปรัชญาชาวสวีเดนวัย 19 ปี ได้พยายามผลักดันศาสนาใหม่ซึ่งให้ความสำคัญกับการกระจายองค์ความรู้ โดยตั้งชื่อศาสนานี้ว่า Kopimism หรือชื่อเต็มๆ คือ The Missionary Church of Kopimism ซึ่งเกิดจากการผนวกคำว่า ‘Copy’ เข้ากับคำว่า ‘Me’ อันเป็นรากฐานทางความเชื่อของศาสนาที่มองว่า การคัดลอกข้อมูลเพื่อเผยแพร่ต่อคือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ต่างอะไรกับการทำวิทยาทาน
อาจจะดูเป็นเรื่องตลก แต่ศาสนานี้มีอยู่จริง โดยแนวคิดของ Kopimism แบ่งได้หลักๆ เป็น 4 ข้อ ได้แก่
- All knowledge to all (ทุกความรู้เพื่อทุกคน)
- The search for knowledge is sacred (การค้นหาความรู้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์)
- The circulation of knowledge is sacred (การหมุนเวียนความรู้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์)
- The act of copying is sacred. (การคัดลอกคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์)
ดังนั้น โดยภาพรวมจึงพอสรุปวิธีคิดของ Kopimism ได้ว่า ‘ยิ่งคัดลอกข่าวสารส่งต่อมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งได้บุญมากเท่านั้น’ นี่จึงเป็นศาสนาซึ่งไม่มีหลักธรรมคำสอน ปราศจากศาสดาหรือนักบวช แทบจะไม่มีศาสนสถาน แต่กลับถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในระยะเวลาไม่ถึง 20 ปี
อย่างไรก็ดี Kopimism ก็ถูกบางฝ่ายโจมตี ด้วยความที่เป็นศาสนาซึ่งให้ความสำคัญกับการคัดลอก อีกทั้งสัญลักษณ์ของศาสนาก็ยังเป็นเครื่องหมาย CTRL C และ CTRL V ซึ่งเป็นคีย์ลัดสำหรับการคัดลอกและวางข้อมูลด้วย แต่ทาง Kopimism ก็ออกมายืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาส่งเสริมให้ทำการคัดลอกหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย เพียงแค่เน้นแนวคิดเรื่องการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เป็นหลักก็เท่านั้น
ด้วยความแปลกประหลาดและกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงแรกส่งผลให้ Kopimism ไม่ได้ถูกทางการสวีเดนรับรองให้เป็นศาสนามาตั้งแต่ต้น อิซักที่เป็นผู้ก่อตั้ง ต้องทำการยื่นเรื่องมากถึง 3 ครั้ง กว่าศาสนาจะได้รับการอนุมัติจาก Swedish Legal, Financial and Administrative Services Agency แต่จนแล้วจนรอด ในวันที่ 5 มกราคม ปี 2012 ศาสนาว่าด้วยการแชร์ข้อมูลก็ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ พร้อมยอดศาสนิกชนประมาณ 4,000 คนพร้อมใจสนับสนุน
“สำหรับชาว Kopimism ข้อมูลถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และการคัดลอกถือเป็นศีล ในเมื่อข้อมูลมีคุณค่าในตัวเอง และคุณค่านั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้เป็นทวีคูณจากการคัดลอก ดังนั้น การคัดลอกจึงเป็นศูนย์กลางของศาสนาและสมาชิก”
กุสตาฟ ไนป์ (Gustav Nipe) ผู้นำทางจิตวิญญาณของศาสนาอธิบาย อีกทั้งเจ้าตัวยังเผยอีกว่า แม้จะต้องยื่นเรื่องซ้ำมากถึง 3 ครั้ง แต่การถูกรับรองโดยรัฐบาลสวีเดนก็ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ Kopimism และมันช่วยให้สมาชิกสามารถทำความดีได้อย่างเต็มที่ตามความเชื่อของศาสนา
ปัจจุบัน ศาสนา Kopimism แผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆ ทั้งแคนาดา ญี่ปุ่น อิสลาเอล และสหรัฐอเมริกา ซึ่งในรัฐอิลลินอยส์ ผู้ที่เลื่อมใสในศาสนา Kopimism ถึงกับร่วมกันก่อตั้งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งโกรธหากเพื่อนส่งคลิป มีม หรือเรื่องราวสนุกๆ มาให้เราอ่านตอนดึกๆ เพราะบางที เพื่อนคนนี้อาจจะเป็นเลื่อมใสในศาสนา Kopimism ก็เป็นได้
อ้างอิงจาก