ไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งมีข่าวเขย่าวงการนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ว่าด้วยเรื่องการ gaslight และการคุกคามผู้หญิงทั้งทางกายและจิตใจ
เรื่องราวเริ่มจากการที่มีผู้เสียหายรายหนึ่งออกมาเล่าว่าถูกคุกคามโดยนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ซึ่งหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น เธอคนนั้นได้แต่โทษตัวเองว่าผิด ร้องไห้ สภาพจิตใจพัง และมองว่าตัวเองไร้ค่า ซึ่งเธออ้างด้วยว่า มีผู้หญิงหลายคนที่โดนคล้ายๆ กับเธอ
เกิดอะไรขึ้นกับกรณีนี้ The MATTER สรุปให้ฟัง
1. เรื่องราวเริ่มต้นจากผู้เสียหายคนหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กถึงพฤติกรรมการคุกคามของ ‘นักสื่อสารวิทยาศาสตร์’ โดยเล่าว่า เธอถูกเขาคุกคามและถูก gaslight พร้อมอ้างด้วยว่า ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ถูกคุกคามทางเพศและทางจิตใจ ถูก gaslight โดยการควบคุมหลอกใช้ และโดนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย
“เราไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับผู้หญิงได้มากขนาดนี้ อยากเซฟความรู้สึกน้องๆ ที่เคยเจอเรื่องราวที่โหดร้าย รุนแรง ด่าทอ ต่อว่าให้อาย ถูกลดทอนศักดิ์ศรีและด้อยค่าความเป็นมนุษย์ ถูกทำลาย identity หรืออัตลักษณ์ของเหยื่อให้รู้สึกไม่เหลือความเป็นคนจนนำไปสู่การคิดฆ่าตัวตาย เราพบว่ามีผู้หญิงหลายคนที่โดนแบบนี้เหมือนเรา”
“ผู้หญิงบางคนรู้สึกโดนคุกคามทางร่างกายและจิตใจ ทักไปจีบ ทักหา โทรมาตอนกลางคืนทุกวัน รวมถึงรุ่นพี่ในคณะเราและคนอื่นๆ หลังไมค์มาก็โดนด้วยค่ะ (ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ)” คือข้อความที่ผู้เสียหายระบุ
2. gaslight หมายถึงอะไร? gaslight คือการ ‘ปั่น’ ให้อีกฝ่ายเกิดความสงสัย หรือแคลงใจในการกระทำ คำพูด มุมมอง ความทรงจำ หรือการตัดสินใจของตัวเอง จนรู้สึกว่าความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวเขาคนเดียว ทั้งที่ความจริงอาจไม่ใช่อย่างนั้น
หรือก็คือ การชักจูงทางจิตวิทยาที่ทำให้เหยื่อตั้งคำถามกับความถูกต้องของความคิดตัวเอง การรับรู้ความเป็นจริง หรือความทรงจำ ที่มักนำไปสู่การสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง หรือสร้างความไม่แน่นอนทางอารมณ์หรือจิตใจ
3. หลังผู้เสียหายเจอเรื่องราวแย่ๆ เธอพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลและสอบถามข้อเท็จจริงจากนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ถึงเหตุการณ์คุกคามอื่นๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี เธออ้างว่านักสื่อสารวิทยาศาสตร์บ่ายเบี่ยง ไม่ตอบตรงไปตรงมา และบิดเบือนความจริง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้เธอตัดสินใจออกมา call out (ออกมาพูดแสดงจุดยืน) ด้วยหวังให้เรื่องราวเหล่านี้เตือนภัยและป้องกันเหตุการณ์แย่ๆ ที่นักสื่อสารวิทยาศาสตร์อาจทำกับคนใกล้ตัวของเธอ
4. “เรายืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง จากที่เป็นคนรักและปกป้องเขามาตลอด จนมารู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง” ผู้เสียหายระบุ ก่อนจะเล่าด้วยว่า จริงอยู่ที่ยังไม่เจอเหยื่อที่ถูกข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศ แต่ก็ย้ำด้วยว่า การที่ไม่เจอไม่ได้แปลว่าจะไม่มี
5. การคุกคามย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจของเหยื่อ ทางผู้เสียหายอ้างว่า มีคนที่เจอเหตุการณ์คล้ายๆ เธอต้องเผชิญกับอาการ PTSD ขณะที่ผู้หญิงบางคนต้องกลัวและพยายามหนีจากนักสื่อสารวิทยาศาสตร์คนนั้น
ส่วนเจ้าตัวที่ออกมาเล่าเองก็เคยมีอาการปากสั่น ตัวสั่น ต้องพูดว่า “กลัวแล้ว” ซ้ำๆ หลังจากที่โดนนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ gaslight และกระหน่ำโทรหา
6. จึงเป็นที่มาของการออกมาโพสต์เพื่อชวนให้สังคมตั้งคำถามต่อนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ เพื่อเรียกร้องให้องค์กรที่ทำงานกับเขาตรวจสอบพฤติกรรมและจรรยาบรรณ ทั้งในแง่การวางตัวที่ไม่เหมาะสม การคุกคามทางเพศและทางจิตใจ รวมถึงการควบคุมหลอกใช้ผู้หญิง พร้อมๆ กับเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้เสียหาย
7. ต่อมา สื่อ THE STANDARD ออกแถลงการณ์ว่าด้วยเรื่องการยุติและระงับการเผยแพร่รายงาน ‘ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์’ หลังกรณีนักสื่อสารวิทยาศาสตร์กลายเป็นประเด็นใหญ่บนสังคมออนไลน์
โดย THE STANDARD ระบุว่า จะยุติการเผยแพร่รายการใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์ จะระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับนักสื่อสารวิทยาศาสตร์คนนั้นในทุกช่องทาง และจะยุติการร่วมงานกับบุคคลนั้นๆ ส่วนผู้เสียหายที่เป็นพนักงานของบริษัท ก็ยืนยันว่าจะเยียวยาสภาพจิตใจอย่างเหมาะสม
8. และในวันนี้ (5 ธันวาคม) นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่เป็นประเด็นได้ออกมาโพสต์ว่าขอโทษถึงสิ่งที่เคยทำต่อกลุ่มผู้เสียหาย อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่า เขาไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศ ลวมลาม หรือข่มขืนกระทำชำเราแต่อย่างใด
9. ประเด็นสำคัญที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงได้ คือ ผลกระทบที่เหยื่อต้องเผชิญจากการ gaslight ซึ่งผู้เสียหายเองมีการเล่าถึงอาการวิตกกังวล ตัวสั่น ปากสั่น และ PTSD (ภาวะที่สภาพจิตใจของผู้ป่วยถูกกระทบกระเทือนรุนแรงจากเหตุการณ์เลวร้าย) หลังเผชิญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
10. องค์กรด้านสุขภาพจิต Sandstone Care เคยให้ข้อมูลไว้ด้วยว่า การ gaslight คือการทำร้ายกันทางอารมณ์ (emotional abuse) รูปแบบหนึ่ง ที่สามารถทำร้ายคนโดนได้ เช่น ทำให้คนคนนั้นรู้สึกแย่ต่อตัวเอง ตั้งคำถามกับคุณค่าของตัวเอง ง่ายๆ ก็คือส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและ self-esteem ของบุคคลนั้นๆ
11. การ gaslight ยังสร้างผลกระทบต่อสุขภาพจิตด้วย อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล การบอบช้ำทางจิตใจ (trauma) หรือ PTSD ได้ หนักเข้าอาจทำให้คนโดนรู้สึกว่าสมควรแล้วที่ตัวเองถูกปฏิบัติแบบนี้ใส่ ดังนั้น การ gaslight จึงสร้างบาดแผลให้กับเหยื่ออย่างปฏิเสธไม่ได้
อ้างอิงจาก
https://thematter.co/brief/191800/191800
https://www.sandstonecare.com/blog/gaslighting/#:~:text=What%20Does%20Gaslighting%20Lead%20To,for%20people%20to%20trust%20others.