“ไม่เคยมีกฎหมายที่โหดร้ายเช่นนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย”
สิทธิของคนเพศหลากหลายถูกจำกัดมากขึ้น หลังสัปดาห์ที่แล้ว (30 พฤศจิกายน) ศาลฎีกาของรัสเซียตัดสินให้ขบวนการ LGBTQ+ ระหว่างประเทศเป็น ‘องค์กรหัวรุนแรง’ เพราะยุยงให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สังคมและศาสนา โดยศาลฯ ไม่อนุญาตให้มีการโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
แต่หลายคนชี้ว่า คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งของ วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ต้องการให้ตัวเองเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ประเทศจากศีลธรรมของตะวันตก
เนื่องจากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศ เขาพยายามนำประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมรัสเซียแบบ ‘ดั้งเดิม’ กลับมา จนนําไปสู่สงครามที่กําลังดําเนินอยู่ในยูเครน และการกีดกันชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะกลุ่มคนเพศหลากหลาย
อย่างไรก็ตาม ตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ตำรวจได้เข้าปราบปรามชุมชนของกลุ่มคนเพศหลากหลาย โดยเฉพาะสถานบันเทิง ซึ่งสร้างผลกระทบต่อชาว LGBTQ+ และกลุ่มนักเคลื่อนไหวในรัสเซียเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับการถูกลงโทษทางกฎหมาย หรือการถูกตีตราจากสังคม
และยังมีการคาดการณ์อีกว่า สมาชิกจากองค์กรสิทธิพลเมืองของรัสเซีย (SOVA Center for Information and Analysis) ที่สนับสนุนสิทธิ LGBTQ+ อาจต้องเผชิญกับโทษจําคุกสูงสุดถึง 10 ปี
นอกจากนี้ ศาลฯ ยังระบุอีกว่า หากผู้ใดแสดงสัญลักษณ์ที่ถือเป็นการสนับสนุนสิทธิเพศหลากหลาย เช่น ธงสีรุ้ง ในที่สาธารณะ จะต้องได้รับโทษจําคุกสูงสุดถึง 4 ปี
ทั้งนี้ การต่อต้านสิทธิเพศหลายหลายของรัฐบาลรัสเซียไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา การปราบปรามผู้คนและองค์กรที่เกี่ยวข้อง LGBTQ+ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“กฎหมายนี้ของรัสเซียได้ตรอกย้ำถึงความต้องการให้เกิดค่านิยมการรักชาติ การสร้างครอบครัวที่ยึดตามระบบสองเพศ และการยึดมั่นในศาสนาโดยเฉพาะศาสนาคริสต์ออร์โธดอกซ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็น ‘ค่านิยมดั้งเดิม’ ที่จะช่วยปกป้องและเสริมสร้างประเทศชาติให้ดีขึ้นสำหรับปูติน” ราดซานา บูยานูเอวา (Radzhana Buyantueva) นักวิจัยผู้ศึกษาชุมชน LGBTQ+ ในรัสเซีย กล่าว
อ้างอิงจาก