วันนี้ (24 มกราคม) เวลา 14.00 น. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกศาลฯ พิพากษาให้ไม่ผิด ปมถือหุ้นสื่อไอทีวี (ITV) เนื่องจาก พบข้อมูลว่าไอทีวีไม่ได้เป็นสื่อแล้ว เพราะหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่ยกเลิกสัญญาเมื่อปี 2550
อย่างไรก็ดี ระหว่างวินิจฉัย ผู้ถูกร้องระบุว่า ตนถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 0.00348% ซึ่งศาลกล่าวว่า ตามกฎหมายการถือหุ้นเพียงหุ้นเดียว ก็เป็นการถือหุ้นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แม้ผู้ถือหุ้นจะไม่มีอำนาจบริหารหรือครอบงำ
ศาลฯ ระบุต่อว่า สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ปรากฏชื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าเป็นผู้ถือหุ้น โดยรับโอนหุ้นจากบิดาในฐานะผู้จัดการมรดก ตั้งแต่ 5 กันยายน 2550 ดังนั้นศาลฯ จึงมองว่า พิธาเป็นทั้งผู้จัดการมรดกและเจ้าของหุ้น
ทว่า ศาลฯ ชี้ว่า ไอทีวีไม่มีสิทธิ์ในการประกอบกิจการสื่อตามกฎหมาย และไม่มีรายได้จากกิจการจากสื่อมวลชน และไม่มีหลักฐานว่าไม่ใบอนุญาตในการประกอบกิจการสื่อ ดังนั้น พิธาจึงยังคงสภาพการเป็น สส.
ก่อนหน้านี้ ศาลฯ นัดฟังคำวินิจฉัยคำร้องที่ กกต. ขอให้ตัดสินว่า พิธาถือหุ้นไอทีวี (ITV) 42,000 หุ้น ก่อนเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม หรือไม่ เพราะถือหุ้นสื่อมวลชน ที่เป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม อ้างอิงตามมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งมีผลให้ต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพ สส.
ทั้งนี้ เป็นเวลาเกือบ 200 วันแล้ว นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.ชั่วคราว สืบเนื่องจาก นิกม์ แสงศิรินาวิน สส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กเปิดประเด็นช่วงก่อนเลือกตั้ง และเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ไปร้องเรียนกับ กกต.จนในท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.ชั่วคราว
อ้างอิงจาก