น่าซื้อไหมไม่รู้? แต่เมื่อวานนี้ (25 กรกฎาคม 2024) โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และแคนดิเดตจากพรรครีพับลิกัน (Republican Party) ประกาศวางขาย Photobook หรือหนังสือภาพเล่มใหม่ ชื่อว่า SAVE AMERICA ภายในเดือนหน้า!
ที่น่าสนใจคือ หน้าปกของ Photobook เล่มนี้ เป็นภาพที่ทรัมป์ชูกำปั้น หลังเอาชีวิตรอดจากความพยายามลอบสังหาร เมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมา (13 กรกฎาคม) ทำให้หลายฝ่ายมองว่าทรัมป์ อาจพยายามหารายได้ จากเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้
แล้วหนังสือเล่มนี้ เกี่ยวกับอะไร?
บนเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ Winning Team Publishing ซึ่งลูกชายของเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ระบุว่าหนังสือ SAVE AMERICA “นำเสนอมุมมองที่ไม่มีใครเทียบได้ ในช่วง 4 ปี ที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา และวิสัยทัศน์สำหรับวาระต่อไปของเขา”
อีกทั้งสำนักพิมพ์ยังระบุอีกว่า ภาพใน Photobook จะครอบคลุมเหตุการณ์ และช่วงเวลาสำคัญ จากรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก ตั้งแต่การประชุมสุดยอดประวัติศาสตร์กับผู้นำโลก ไปจนถึงภาพแคนดิด ในทำเนียบขาว ซึ่งทรัมป์เป็นผู้คัดเลือกภาพถ่ายทุกภาพ ด้วยตัวเอง
Photobook จะถูกวางขาย วันที่ 3 กันยายนที่จะถึงนี้ ในราคา 99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,500 บาท อีกทั้งยังมีฉบับที่มาพร้อมลายเซ็นของทรัมป์ ให้เลือกซื้อเช่นกัน โดยขายในราคา 499 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 18,000 บาท และผู้ที่สนใจ สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้!
ทำเงินจากเหตุการณ์เสี่ยงตาย?
หลังจากทรัมป์ประกาศวางขายหนังสือ คำถามนี้ก็เกิดขึ้นกับหลายฝ่าย โดยสำนักข่าวเดอะการ์เดียน (The Guardian) กล่าวว่า ทรัมป์ได้ก้าวไปอีกขั้น ในการ “เปลี่ยนการเอาชีวิตรอด จากความพยายามลอบสังหารของเขา ให้กลายเป็นตำนานปรัมปรา”
พร้อมทั้งหลายคนมองว่า การขายหนังสือภาพ ที่ใช้เหตุการณ์การลอบสังหารของทรัมป์ เป็นหน้าปกนี้ คือการผลักดันเรื่องราวของตัวเอง ให้กลายเป็นตำนาน อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายคนที่มองว่า นี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี และมองว่า นี่เป็นการหาจังหวะทำกำไรที่ฉลาด
แม้ว่าสังคมจะมีความเห็นหลากหลาย เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ แต่สิ่งที่น่าจับตามองคือ หนังสือเล่มนี้จะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง? ในการหาเสียงของทรัมป์ สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเกิดความผันผวน เมื่อโจ ไบเดน (Joe Biden) ได้ถอนตัวจากแคนดิเดต จากพรรคเดโมแครต (Democratic Party) และกมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) อาจเป็นคู่แข่งคนต่อไปของทรัมป์
อ้างอิงจาก