เมื่อวันที่ 22-23 กันยายน 2024 มีการประชุมสุดยอดเพื่ออนาคต (Summit of the Future) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีการรับรองคำมั่นเพื่ออนาคต (Pact for the Future) ซึ่งเป็นความพยายามปรับปรุงองค์กรระหว่างประเทศ ให้เป็นกลไกที่สอดคล้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์โลก ที่เปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21
ร่าง Pact for the Future ได้รับการรับรองโดยสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly หรือ UNGA) ที่มีสมาชิก 193 ประเทศ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวด้วย
แล้ว Pact for the Future มีหน้าตาประมาณไหน?
Pact for the Future ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการเพื่อโลกที่ดีขึ้น สำหรับคนรุ่นต่อไป โดย UN ระบุว่าเป็นข้อตกลงที่ ‘ขอบเขตกว้างขวางที่สุด’ ในรอบหลายปี ซึ่งประกอบด้วยวาระตั้งแต่สันติภาพและความมั่นคง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือด้านดิจิทัล ด้านเยาวชนและคนรุ่นถัดไป จนถึงความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ ภาคผนวกของ Pact for the Future ประกอบด้วยปฏิญญาว่าด้วยอนุชนรุ่นหลัง (Declaration on Future Generations) และคำมั่นด้านดิจิทัลระดับโลก (Global Digital Compact) ซึ่งครอบคลุมการกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจกล่าวได้ว่าเป็นข้อตกลงที่ครอบคลุมประเด็นใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีการบรรลุมาก่อน
“เราไม่สามารถสร้างอนาคตที่เหมาะกับลูกหลานของเรา ด้วยระบบที่สร้างโดยปู่ย่าตายายของเรา” อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการ UN ระบุ พร้อมกับเสริมว่า Pact for the Future เป็นความพยายามกระชับความร่วมมือพหุภาคี
แม้ว่าข้อตกลงดังกล่าว จะกำหนดการอบการทำงานอย่างกว้างๆ 56 มาตรการ ที่นานาประเทศให้คำมั่นว่าจะลงมือทำให้สำเร็จ แต่หลายฝ่ายมีความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Pact for the Future เนื่องจากถือเป็นข้อตกลงที่ไม่มีผลผูกพัน และนำไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับการนำไปปฏิบัติจริง ในประเทศต่างๆ ว่าจะมีประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังจริงๆ หรือไม่
อ้างอิงจาก