หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 จบลง ก็ได้ทราบกันแล้วว่า ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ (Donald Trump) จากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะและกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง
ผลตอบรับ และความรู้สึกของทั้งพลเมืองอเมริกัน และชาวโลก ต่างก็เป็นไปอย่างหลากหลาย บ้างดีใจ เสียใจ หรือแสดงความกังวลว่า หลังจากนี้สหรัฐฯฯ จะดำเนินไปในทิศทางไหน และทรัมป์จะมีนโยบายเกี่ยวกับการต่างประเทศอย่างไรบ้าง โดยนอกจากทรัมป์จะได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว พรรครีพับลิกันยังได้เป็นเสียงข้างมากในวุฒิสภาอีกด้วย
เราจึงขอชวนย้อนไปดูสิ่งที่ทรัมป์ได้พูดถึงและหาเสียงไว้ ว่า ‘สิ่งที่ทรัมป์จะทำ’ หลังเขาได้รับตำแหน่ง จะมีอะไรบ้าง
ในสุนทรพจน์ชัยชนะ ทรัมป์ให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะบริหารประเทศโดยใช้คติประจำใจง่ายๆ ว่า “Promises made, promises kept. We’re going to keep our promises.” ซึ่งหมายถึง สัญญาต้องเป็นสัญญา เราจะทำตามสัญญาให้ได้
ประเด็นที่ 1 การส่งผู้อพยพไร้เอกสารกลับประเทศ : ทรัมป์ให้สัญญาว่าจะส่งผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารกลับประเทศ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และจะสร้างกำแพงที่ชายแดนเม็กซิโกให้เสร็จสิ้น
จำนวนผู้อพยพที่ชายแดนตอนใต้ของสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดเมื่อปลายปีที่แล้วในสมัยรัฐบาลโจ ไบเดน (Joe Biden) ก่อนที่จำนวนจะค่อยๆ ลดลงในปี 2024
ประเด็นที่ 2 ด้านเศรษฐกิจ ภาษี และภาษีศุลกากร : จากโพลสำรวจความคิดเห็นก่อนเลือกตั้ง เศรษฐกิจ ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพราะปัจจุบัน สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ และหลายคนอาจรู้สึกว่ามีปัญหาการว่างงานที่มากกว่าปกติ
ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะยุติภาวะเงินเฟ้อ ถึงอย่างนั้น อำนาจของประธานาธิบดีต่อประเด็นนี้อาจจะมีจำกัด แต่สิ่งที่ทรัมป์เน้น คือนโยบายที่จะลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ โดยเสนอให้ไม่ต้องเสียภาษีทิป ยกเลิกภาษีเงินประกันสังคม ลดหย่อนภาษีนิติบุคคล จากเดิม 21% เป็น 15% และเสนอให้เก็บภาษีศุลกากรขาเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากเดิม % เพื่อลดการขาดดุลการค้า และโดยเฉพาะกับประเทศจึน ที่อาจเก็บสูงสุด 60%
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นย่อยอื่นๆ ที่ถูกพูดถึงแต่อาจยังไม่มีรายละเอียดมากนัก อย่างการช่วยให้คนเข้าถึงการซื้อบ้านได้มากขึ้น รวมถึงการควบคุมราคาให้การเข้าถึงบริการทางสุขภาพถูกลง และให้คนเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น
ประเด็นที่ 3 ลดกฎระเบียบด้านสภาพอากาศ : ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก ทรัมป์ได้ยกเลิกมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหลายร้อยฉบับ และทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยสภาพอากาศ หรือ Paris Agreement
ในครั้งนี้ ทรัมป์ได้ให้คำมั่นอีกครั้งว่าจะลดกฎระเบียบลงอีก เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกา เขาโจมตีรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับเป้าหมายของไบเดน ที่สนับสนุนให้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังต้องการเพิ่มปริมาณการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อผลิตพลังงานให้ได้มากยิ่งขึ้น และยังต้องการเปิดพื้นที่ เช่น ป่าอาร์กติก เพื่อการขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเขาระบุว่ามันจะช่วยลดต้นทุนพลังงานได้ แต่ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญยืนยันผลลัพธ์แต่อย่างใด
ประเด็นที่ 4 ยุติสงคราม : สำหรับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทรัมป์ให้คำสัญญาว่าจะยุติความขัดแย้งนี้ภายใน 24 ชั่วโมง ผ่านข้อตกลงที่เจรจากัน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าแต่ละฝ่ายจะต้องทำอะไร หรือจะต้องเสียสละอะไร แต่มีคนคาดเดาว่าเขาอาจหยุดให้เงินสนับสนุนยูเครน ซึ่งแต่เดิมสนับสนุนอยู่เป็นหลักพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในภาพรวม ทรัมป์ต้องการให้สหรัฐฯ แยกตัวออกมาจากความขัดแย้งในต่างประเทศ ซึ่งยังรวมถึงสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งแต่เดิม ทรัมป์เองผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างเหนียวแน่น
ประเด็นที่ 5 จะไม่มีการห้ามทำแท้ง : ทรัมป์กล่าวระหว่างการดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ว่าจะไม่ลงนามในกฎหมายห้ามทำแท้งระดับประเทศ
ย้อนกลับไปในปี 2022 สิทธิในการทำแท้งตามรัฐธรรมนูญของประเทศถูกยกเลิกโดยศาลฎีกา ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีผู้พิพากษาที่ถูกแต่งตั้งโดยทรัมป์จำนวน 3 คน
ทรัมป์มักจะกล่าวว่ารัฐต่างๆ ควรมีอิสระในการตัดสินใจเกี่ยวกับกฎหมายของตนเองเกี่ยวกับการทำแท้ง แต่จนถึงขณะนี้ก็อาจยังไม่ปรากฏหลักฐานการแสดงความคิดเห็นของเขาในประเด็นนี้เท่าไรนัก
ในภาพรวม คนมักจะมองโดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะคนที่ ‘ไม่ค่อยมีความแน่นอน’ เท่าไรนัก ทำให้คนเกิดความกังวลว่า หากทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ประเด็นต่างๆ จะถูกดำเนินการต่อไปอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหรัฐอเมริกา ถือเป็นพี่ใหญ่ของโลก ที่จะมีบทบาทในการคุมบังเหียนประเด็นโลกในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การทหาร และอื่นๆ
ขั้นตอนต่อไป จะต้องรอการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจากในแต่ละรัฐ และขณะนี้ การดำรงตำแหน่งของทรัมป์จึงยังไม่เริ่มต้นขึ้น โดยจะมีการประชุมยืนยันคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง ในวันที่ 17 ธันวาคม 2024 และรัฐสภาสหรัฐฯ ชุดใหม่จะมาประชุมกันในวันที่ 6 มกราคม 2025 เพื่อนับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง และยืนยันชื่อของประธานาธิบดีคนใหม่
หลังจากนั้น ทรัมป์จะต้องเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2025 จึงจะถือว่าเริ่มต้นวาระอย่างเป็นทางการ และเริ่มทำงานทันที
อ้างอิงจาก