ในช่วงที่ผ่านมาไทยส่งสัตว์หายากเกือบ 1,000 ตัว ทั้งลีเมอร์และเต่าที่ใกล้สูญพันธุ์ คืนมาดากัสการ์ได้สำเร็จ หลังจากถูกลักลอบค้าเถื่อนในประเทศ นับเป็นหนึ่งในปฏิบัติการยึดและส่งกลับครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) สามารถจับกุมขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ โดยพบว่าลักลอบผ่านทางอินโดนีเซียมาทาง จ.สตูล จึงตรวจค้นรถยนต์ผู้ต้องสงสัยบริเวณ จ.ชุมพร และจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 คน พร้อมของกลางเป็นสัตว์ป่าหายากและที่ใกล้สูญพันธุ์ รวม 1,117 ตัว ซึ่งส่วนหนึ่งกลายเป็นซากแล้ว
หลังจากที่ บก.ปทส.จับกุมขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติได้ จึงส่งคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนเพิ่มเติม ทั้งนี้รัฐบาลมาดากัสการ์ก็ได้ส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมฯ มาตรวจสอบเองถึงไทย พร้อมกับหารือกับรัฐบาลไทย
เบื้องต้นพบว่า ขบวนการค้าสัตว์ป่านี้ลักลอบขนส่งสัตว์จำนวนมาก เพื่อขายให้กับธุรกิจสัตว์เลี้ยงผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ส่งผลให้มีการจับกุมผู้ต้องหา ทั้งในประเทศไทยและมาดากัสการ์
จากนั้นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยกระทรวงยุติธรรม จึงตกลงส่งคืนสัตว์ป่าจำนวน 963 ตัว ได้แก่ ลีเมอร์หางวงแหวน จำนวน 16 ตัว, ลีเมอร์สีน้ำตาล จำนวน 32 ตัว, เต่าแมงมุม จำนวน 760 ตัว และเต่าลายรัศมี มีชีวิตจำนวน 155 ตัว กลับสู่มาดากัสการ์
ทั้งสองประเทศรวมถึงหน่วยงานระหว่างประเทศหลายแห่ง จึงร่วมมือกันขนส่งสัตว์เหล่านั้น ทางสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ ซึ่งตกลงขนส่งสัตว์ฟรี เพื่อนำสัตว์เหล่านี้กลับประเทศมาดากัสการ์ โดยการขนส่งสัตว์ครั้งสุดท้าย มาถึงมาดากัสการ์เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม
หลังจากส่งกลับสำเร็จ สื่อต่างประเทศหลายแห่งก็พูดถึงเหตุการณ์นี้ โดยสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime หรือ UNODC) กล่าวว่า “ปฏิบัติการที่ซับซ้อนนี้ ถือเป็นการยึดและส่งกลับสัตว์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก ในการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย”
นอกจากนี้ UNODC ยังกล่าวว่าปฏิบัติการนี้ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง และจะไม่สามารถดำเนินการได้เลย หากไม่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาล และองค์กรระดับโลกหลายแห่ง โดยหลังจากนี้สัตว์ทั้งหมด จะได้รับการประเมินและฟื้นฟูร่างกาย ก่อนจะปล่อยกลับสู่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
อ้างอิงจาก