ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เซ็นอภัยโทษนักเคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้งที่ชุมนุมปิดทางเข้าคลินิก เมื่อปี 2020 แล้ว
ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งเพื่ออภัยโทษนักเคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้ง เพียง 1 วันก่อนจะถึงการชุมนุมประจำปีของกลุ่ม March for Life ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยผู้ช่วยที่มอบคำสั่งให้ทรัมป์ลงนาม กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับ ‘ผู้ประท้วงต่อต้านการทำแท้งที่ชุมนุมอย่างสันติ’ ประมาณ 23 คน
“พวกเขาไม่ควรถูกดำเนินคดี” ทรัมป์กล่าวที่ออฟฟิศ “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ลงนามในคำสั่งนี้”
ทรัมป์ไม่ได้ระบุชื่อผู้ที่ได้รับการอภัยโทษ แต่เท่าที่เห็นจากคำสั่งที่เขาลงนาม และเท่าที่กล้องของผู้สื่อข่าวในสหรัฐฯ พอจะจับภาพได้ คาดว่าเป็นรายชื่อของผู้เคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้ง 10 คนที่ถูกดำเนินคดีภายใต้การบริหารของโจ ไบเดนจากการปิดกั้นคลินิกทำแท้งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อเดือนตุลาคม 2020
จำเลยในคดีดังกล่าวถูกตั้งข้อหาสองกระทง ได้แก่ สมคบคิดต่อต้านสิทธิพลเมือง และละเมิดพระราชบัญญัติเสรีภาพในการเข้าถึงคลินิก กฎหมายดังกล่าวทำให้การคุกคาม ขัดขวาง หรือทำร้ายบุคคลที่ต้องการเข้าคลินิกสุขภาพสืบพันธุ์ หรือทำลายทรัพย์สินของคลินิก ถือเป็นความผิด
ลอเรน แฮนดี นักเคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้งคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุกเกือบห้าปีเมื่อปีที่แล้วจากบทบาทของเธอในการเป็นผู้นำการปิดกั้น ที่ทำให้พยาบาลคนหนึ่งข้อเท้าแพลงเมื่อมีคนผลักเธอขณะที่เธอกำลังพยายามเข้าไปในคลินิก และผู้หญิงคนหนึ่งถูกผู้ปิดกั้นอีกคนเข้ามาหาขณะมีอาการเจ็บท้องคลอด
คดีของเธอได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เมื่อตำรวจกล่าวว่าพวกเขาพบตัวอ่อน 5 ร่างในบ้านของเธอไม่นานหลังจากที่เธอถูกตั้งข้อหาในคดีนี้ และยังมีจำเลยคนอื่นๆ ที่ได้รับโทษจำคุกอีกด้วย โดยมีโทษน้อยกว่า 3 ปี
จำเลย ตัวแทน และพันธมิตรของพวกเขา รวมถึงวุฒิสมาชิกจอช ฮอว์ลีย์ พรรครีพับลิกันจากรัฐมิสซูรี โต้แย้งว่า พวกเขาเพียงใช้สิทธิตามการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่หนึ่งในการประท้วง หลังมีการอภัยโทษ ฮอว์ลีย์จึงเฉลิมฉลองผ่านโซเชียลมีเดีย และกล่าวว่า ก่อนหน้าเขาก็ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีอภัยโทษให้แก่เหล่านักเคลื่อนไหวโดยเร็ว
ในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกของทรัมป์ในปี 2017 พระราชบัญญัติ FACE ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีมาตั้งแต่ปี 1994 ที่คุ้มครองคลินิกสุขภาพการสืบพันธุ์นั้นแทบไม่ได้ถูกบังคับใช้เลย
แต่เมื่อมีกฎหมายการทำแท้งที่เข้มงวดของรัฐเท็กซัสที่ผ่านเมื่อปี 2021 เมอร์ริก บี. การ์แลนด์ อัยการสูงสุดในรัฐบาลไบเดน ส่งสัญญาณว่า กระทรวงยุติธรรมเห็นว่าการบังคับใช้พระราชบัญญัติ FACE เป็นเรื่องสำคัญ เพราะกระทรวงพยายามที่จะปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการทำแท้งในวงกว้างมากขึ้น
ดังนั้น นักเคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้ง จึงถูกตั้งข้อหาในเดือนมีนาคม 2022 ซึ่งในปลายปีนั้น ศาลฎีกาก็มีคำสั่งพลิกคำตัดสินคดี Roe v. Wade คดีดังที่สร้างบรรทัดฐานสำคัญเกี่ยวกับสิทธิในการทำแท้งทั่วประเทศ ว่าการทำแท้งไม่ถือเป็นอาชญากรรม
การพลิกคดีครั้งนี้ จึงทำให้สิทธิการทำแท้งถูกเพิกถอนไป โดยมีข้อสังเกตว่า มีผู้พิพากษาถึง 3 คนในการตัดสินครั้งนี้ ที่เป็นผู้ที่ทรัมป์แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในศาลฎีกาในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก
สตีฟ แครมป์ตัน ที่ปรึกษากฎหมายอาวุโสของสำนักงานกฎหมาย Thomas More Society องค์กรไม่แสวงหากำไรที่เป็นตัวแทนของแฮนดี กล่าวว่า ลูกความของเขาและจำเลยร่วมของเธอ ‘ได้รับการปฏิบัติอย่างน่าละอายจากกระทรวงยุติธรรมของนายไบเดน’
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “หลายคนถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร และสูญเสียสิทธิหลายอย่างที่เราถือเป็นเรื่องปกติในฐานะพลเมืองอเมริกัน” พร้อมกล่าวขอบคุณทรัมป์และทีมงาน “ที่แก้ไขความผิดพลาดร้ายแรงเหล่านี้ของรัฐบาลชุดก่อน”
ในขณะที่อัยการของรัฐบาลกลางในคดีของนักเคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้ง อ้างว่า เหล่าผู้ต้องหาใช้กำลังและข่มขู่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนเข้ารับการรักษา
“จำเลยเหล่านี้สมคบคิดใช้กำลังเพื่อป้องกันไม่ให้พลเมืองด้วยกันใช้สิทธิที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย” แมทธิว เกรฟส์ อัยการสหรัฐฯ ประจำเขตโคลัมเบียกล่าว หลังจากผู้ต้องหา 3 รายถูกตัดสินโทษเมื่อปีที่แล้ว และได้รับการอภัยโทษจากนายทรัมป์
นี่จึงนับเป็นการอภัยโทษครั้งล่าสุดของทรัมป์ หลังจากที่วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาได้อภัยโทษให้กับผู้ต้องหาเกือบ 1,600 รายที่ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
แล้วทรัมป์คิดอย่างไรกับการทำแท้งกันแน่
ในช่วงหาเสียงปี 2024 ทรัมป์พูดถึงสิทธิการทำแท้งอย่างรอบคอบ โดยกล่าวว่า เขาจะไม่ลงนามในกฎหมายห้ามทำแท้งของรัฐบาลกลาง และควรให้รัฐต่างๆ เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นจุดยืนที่เห็นได้ว่าเขาพยายามที่จะหาจุดกึ่งกลางระหว่างพันธมิตรที่ต่อต้านการทำแท้ง และคนอเมริกันส่วนใหญ่ที่สนับสนุนสิทธิการทำแท้ง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็เริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทรัมป์ลงนามอภัยโทษ ผู้สนับสนุนสิทธิการทำแท้งโจมตีการอภัยโทษของทรัมป์ว่าเป็นหลักฐานว่าเขาคัดค้านการทำแท้ง
“โดนัลด์ ทรัมป์พยายามทำทั้งสองอย่างระหว่างการหาเสียง โดยคุยโวเกี่ยวกับบทบาทของเขาในการพลิกคำตัดสินคดี Roe v. Wade ในขณะเดียวกันก็บอกว่าเขาจะไม่ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการทำแท้ง” ไรอัน สติตซ์ไลน์ รองประธานฝ่ายความสัมพันธ์ทางการเมืองและรัฐบาลขององค์กรสิทธิการทำแท้งแห่งชาติ Reproductive Freedom for All กล่าว “เราไม่เคยเชื่อว่านั่นเป็นความจริง และนี่แสดงให้เห็นว่าเราคิดถูก”
ในขณะที่มาร์จอรี แดนเนนเฟลเซอร์ประธานกลุ่ม SBA Pro-Life America กล่าวขอบคุณทรัมป์ที่ ‘ทำตามสัญญา’ ที่จะอภัยโทษผู้ประท้วงทันที โดยให้เหตุผลว่าการดำเนินคดีผู้ประท้วงเป็นการทำไปเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง
สิ่งที่น่าติดตามต่อ คือสถานการณ์ในวันรุ่งขึ้น ที่จะมีการเดินขบวน March For Life ประจำปีแล้ว ซึ่งเป็นขบวนที่มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อต่อต้านการทำแท้งและส่งเสริมความสำคัญของชีวิตตั้งแต่ปฏิสนธิ ซึ่งคาดว่า เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ด้วย
อ้างอิงจาก