แม้ว่าจำนวนผู้ที่ฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นจะลดลง แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นภาพจริงๆ ของสังคมของญี่ปุ่น กลับเป็นสถิติการฆ่าตัวตายของเด็กประถมและเด็กมัธยมที่สูงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
โดยล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นแถลงเมื่อวันพุธ (29 มกราคม) ว่า จำนวนผู้ฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นลดลงเหลือ 20,268 รายในปี 2024 ซึ่งถือเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่จำนวนผู้ฆ่าตัวตายลดลง และถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 2 รองจากปี 2019 ที่ 20,169 ราย
แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นคือ นักเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย มีสถิติการฆ่าตัวตายที่ 527 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 1980 โดยจำนวนดังกล่าวยังคงอยู่สูงกว่า 500 รายเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยในจำนวนนี้มีนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นฆ่าตัวตาย 163 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุด
ด้าน เคอิจิโระ ทาจิบานะ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับจำนวนนักเรียนที่ฆ่าตัวตายที่สูงเป็นประวัติการณ์
“เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องชีวิตของเด็กๆ และมุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ไม่มีใครถูกผลักดันให้ฆ่าตัวตาย รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษาผ่านโซเชียลมีเดีย” ทาจิบานะกล่าว
จำนวนการฆ่าตัวตายโดยรวมในกลุ่มผู้ชายลดลง 1,099 รายจากปีก่อน เหลือ 13,763 ราย ส่วนผู้หญิง 6,505 รายฆ่าตัวตาย ลดลง 470 ราย ขณะที่อัตราการฆ่าตัวตายหรือจำนวนการฆ่าตัวตายต่อประชากร 100,000 คน อยู่ที่ 16.3 คน
จากจำนวนดังกล่าว กลุ่มอายุ 50 ปี เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ฆ่าตัวตาย โดยมีจำนวนกว่า 3,786 ราย แต่ลดลง 408 ราย ตามมาด้วยกลุ่มอายุ 40 ปี โดยลดลง 420 ราย เหลือ 3,205 ราย ขณะที่การฆ่าตัวตายในกลุ่มนักศึกษาเพิ่มขึ้น 53 ราย เป็น 1,072 ราย
อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักๆ ของการฆ่าตัวตาย ได้แก่
- ปัญหาสุขภาพ โดยมีผู้ฆ่าตัวตาย 11,986 ราย ซึ่งลดลง 417 ราย
- ปัญหาเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต ลดลง 106 ราย เหลือ 5,075 ราย
- ปัญหาครอบครัวลดลง 374 ราย เหลือ 4,334 ราย
- ปัญหาอินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย มีจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 42 ราย
อ้างอิงจาก