รู้หรือไม่ ว่าในแม่น้ำคงคาของอินเดีย มีโลมาอาศัยอยู่กว่า 6,000 ตัว แต่พวกมันกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากมนุษย์ และเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
มีข้อมูลใหม่จาก องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ที่ระบุว่า ปลาโลมาจำนวนมากตายเพราะไปติดในอวนจับปลาโดยไม่ตั้งใจ และอีกทางหนึ่ง คือการถูกล่าเพื่อเอาเนื้อและน้ำมันเพื่อใช้ในทางการแพทย์ หรือการนำน้ำมันไปใช้ล่อปลาดุกในการประมงอวนด้วย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านมลพิษ ทั้งจากอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และมนุษย์ ซึ่งทำให้ที่อยู่อาศัยของโลมาเสื่อมโทรม ก็ส่งผลให้พวกโลมาเสี่ยงสูญพันธุ์ด้วยเช่นกัน
มีรายงานที่ระบุว่า ในทุกๆ ปี อินเดียจะใช้ยาฆ่าแมลง 9,000 ตันและปุ๋ย 6 ล้านตันในบริเวณใกล้เคียงแม่น้ำ จนเกิดมลพิษสูงในระดับที่สามารถฆ่าเหยื่อและปลาโลมาได้โดยตรง และทำลายที่อยู่อาศัยของพวกมันจนหมด
นาชิเกต เคลการ์ (Nachiket Kelkar) จากกองทุนอนุรักษ์สัตว์ป่า บอกกับนิตยสาร Sanctuary Asia ว่าชาวประมงจำนวนมากมักจะไม่รายงานการตายของโลมาที่เกิดโดยไม่ตั้งใจ เพราะกลัวจะมีปัญหาทางกฎหมาย
เพราะกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าของอินเดีย กำหนดให้การฆ่าโลมา ไม่ว่าจะโดยไม่ได้ตั้งใจหรือโดยเจตนาก็ตาม ล้วนถือเป็นการล่าสัตว์และมีบทลงโทษที่รุนแรง ด้วยเหตุนี้ ชาวประมงยากจนจำนวนมากจึงกำจัดซากสัตว์อย่างเงียบๆ เพื่อเลี่ยงค่าปรับ
นอกจากการล่าสัตว์โดยตรง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาซึ่งการท่องเที่ยวล่องเรือในแม่น้ำได้รับความนิยมในอินเดีย ก็มีผลกระทบต่อแม่น้ำเช่นกัน โดยเฉพาะกับโลมา ซึ่งเป็นสัตว์ที่ไวต่อเสียง
ปัจจัยสุดท้าย คือวิวัฒนาการของโลมาเอง ที่ทำให้ชีวิตของพวกมันตกอยู่ในความเสี่ยง
ตาโลมาแม่น้ำคงคานั้นแทบจะมองไม่เห็น และใช้ชีวิตในแม่น้ำขุ่นมัวโดยอาศัยการสะท้อนของเสียง ซึ่งก็ช่วยให้มันอยู่ในแม่น้ำได้ดี แต่ก็ทำให้หลบหลีกอันตรายอื่นไม่ได้ เช่น พอมองไม่เห็น ก็ว่ายน้ำชนเรือ
WWF ได้ดำเนินการส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นในบริเวณแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาโลมาที่สำคัญใช้ปุ๋ยธรรมชาติ ไม่ทิ้งน้ำเสียในครัวเรือนลงในแม่น้ำ ปลูกป่าทดแทนริมฝั่งแม่น้ำ และห้ามการประมงเชิงพาณิชย์และกิจกรรมขุดทราย
ด้าน ราวินทรา กุมาร สินหา (Ravindra Kumar Sinha) นักอนุรักษ์ ระบุว่า “ความคิดริเริ่มของรัฐบาลในการช่วยชีวิตโลมานั้นมีบทบาทสำคัญ และมีการดำเนินการไปมากแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ควรทำเพิ่มอีกมาก”
ย้อนกลับไปในปี 2009 โลมาแม่น้ำคงคา ได้ถูกจัดให้เป็นสัตว์น้ำประจำชาติของอินเดีย เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ปลาโลมา และยังมาควบคู่กับมาตรการต่างๆ เพื่อฟื้นฟู เช่น แผนในปี 2020 และการก่อตั้งศูนย์วิจัยเฉพาะทางในปี 2024
อ้างอิงจาก