ถ้าลองสมมติตัวเองเป็นนักกีฬาทีมชาติที่เคยคว้าเหรียญทองให้กับประเทศได้ แต่วันหนึ่งชีวิตกลับพลิกผันให้จบเส้นทางนักกีฬานั้นลง คุณจะเลือกเส้นทางชีวิตให้เดินต่อไปในทางไหน?
หลายคนอาจวาดเส้นทางใหม่ให้ตัวเองยังอยู่ในวงการกีฬา อาจเลือกเปลี่ยนตัวเองให้เป็นโค้ช แต่สำหรับนักกีฬาทีมชาติในซีรีส์เรื่อง ‘GOOD BOY’ นั้น พวกเขาเลือกเส้นทางใหม่ให้ตัวเองด้วยบทบาทของ ‘ตำรวจ’
GOOD BOY เป็นซีรีส์ที่กำลังลงฉายในสตรีมมิ่ง Prime Video เล่าเรื่องราวการรวมตัวกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยเป็นนักกีฬาเจ้าของเหรียญรางวัล เพื่อโค่นอำนาจที่อยู่เบื้องหลังองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ทีมเฉพาะกิจที่ประกอบด้วยอดีตนักกีฬา 5 คนจึงถูกก่อตั้งขึ้น โดยในทีมประกอบไปด้วย ยุนดงจู อดีตนักมวยเหรียญทอง รับบทโดยพัคโบกอม, ฮันนา อดีตนักแม่นปืนแชมป์โลก รับบทโดยคิมโซฮยอน, จงฮยอน อดีตนักกีฬาฟันดาบแนวหน้า รับบทโดยอีซังอี มีหัวหน้าทีมคือ มันซิก อดีตนักมวยปล้ำเหรียญทองแดง รับบทโดยฮอซองแท และแจฮง อดีตนักขว้างจักรเหรียญทองแดง รับบทโดยแทวอนซอก การต่อสู้กับอำนาจมืดในเมืองของพวกเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้น
แต่ก่อนที่จะรับร่วมชมความสนุกของซีรีส์ GOOD BOY นี้ ทาง The MATTER ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมภาษณ์เปิดตัวซีรีส์ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เลยเก็บเอาคำตอบสุดเอ็กซ์คลูซีฟมาฝากทุกคนกัน
เริ่มต้นกันด้วยคำถามที่ทำให้เราเห็นการดีไซน์คาแร็กเตอร์ตัวละครแต่ละตัว รวมถึงเห็นความพยายามของนักแสดงอย่างคำถามที่ว่า แต่ละคนฝึกฝนการเป็นนักกีฬา รวมถึงฉากแอ็กชั่นยังไงบ้าง?
พัคโบกอม ตอบว่า “สำหรับผมรับบทยุนดงจู อดีตนักมวยเหรียญทอง ผมผ่านการฝึกซ้อมมวยมากกว่า 6เดือนครับ และนอกจากซ้อมมวยแล้วก็มีเวทเทรนนิ่งไปด้วย เพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกายครับ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการแสดงเป็นดงจูคือ เขาเป็นคนที่กระตือรือร้นและร่าเริง แต่ในขณะเดียวกัน ภายในก็มีจิตใจที่อบอุ่นและอ่อนโยน ที่สำคัญเขาเป็นคนที่มีทักษะทางกีฬาที่ดีมาก ทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนครับ”
คิมโซฮยอน ตอบว่า “สำหรับฉัน เนื่องจากฮันนาเป็นนักกีฬายิงปืน ฉันก็เลยได้ฝึกยิงปืนเยอะค่ะ การฝึกยิงปืนต้องใช้ความอดทนอย่างมากค่ะ หลังจากที่ฉันได้มาเป็นตำรวจและได้ยิงปืนเวลาออกปฏิบัติจริง ส่วนตัวรู้สึกว่าทำให้อดทนกับเสียงดังได้ดีและช่วยเพิ่มความกล้าหาญค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะไม่ค่อยกลัว รู้สึกว่าความหวาดกลัวหายไปค่อนข้างเยอะเลยค่ะ”
และอีซังอี “สำหรับจงฮยอนเป็นนักกีฬาฟันดาบ ผมได้เรียนฟันดาบประมาณ 6-7 เดือนครับ และที่สำคัญประเภทที่ผมเล่นคือเซเบอร์ครับ ก็เลยได้เรียนเซเบอร์เยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร จงฮยอนเป็นคนที่ใช้สมองคิดนำ วางแผน และตัดสินก่อนเสมอ ช่วงนี้ผมก็ยังคงพยายามที่จะเป็นเหมือนจงฮยอนในมุมนี้อยู่ครับ”
เรียกได้ว่านักแสดงแต่ละคนใช้เวลาในการฝึกฝนกีฬา และเข้าถึงบทบาทที่ได้รับกันยาวนานจริงๆ
แล้วถ้าให้ลองนิยามตัวละครที่เล่นใน 1 คำ?
พัคโบกอมให้นิยามเป็นคำว่า “bulldozer (รถแทรกเตอร์) ครับ ดงจูเป็นคนที่มีนิสัยร้อนแรงดั่งไฟเวลาเห็นความอยุติธรรมจะอดทนไม่ได้ แต่จิตใจของเขานั้นเป็นคนที่มีความภักดีและมีความผูกพันกับคนรอบข้างครับ”
อีซังอีมองว่า “จงฮยอนเป็นเหมือนกับหงส์ครับ เหมือนกับชุดกีฬาฟันดาบสีขาว ภายนอกดูหรูหราสวยงาม แต่ภายใต้สิ่งนั้น ต้องคอยเตะถีบขาออกไปตลอดเพื่อความอยู่รอด จงฮยอนก็เช่นกัน เขาเหมือนกับหงส์ขาว ในทั้งความพยายามและความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้สำเร็จครับ”
สุดท้ายคิมโซฮยอนเปรียบว่า “ฮันนาเป็นเหมือนกับเปลวไฟค่ะ เปลวไฟอาจจะเริ่มจากประกายเล็กๆ ที่เงียบสงบ แต่พอลุกโชนมากขึ้นก็กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ คิดว่าคำนี้เหมาะกับฮันนามากเลยค่ะ”
นักแสดงทั้ง 3 ให้คำนิยามถึงตัวละครที่สวมบทบาทได้อย่างน่าสนใจ เราเองในฐานะคนดูพอได้ฟังคำตอบแบบนี้แล้ว ก็อยากจะกลับไปเปิด Prime Video รอดูว่าแต่ละคนจะเป็นรถแทรกเตอร์ หงส์ และเปลวไฟ ได้อย่างลงตัวมากขนาดไหน
คำถามถัดไปเราชวนให้นักแสดงทุกคนลองย้อนกลับไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในเรื่องอีกครั้ง และมองต่อไปว่าถ้าทุกคนไม่ต้องพลิกเส้นทางชีวิตมาเป็นตำรวจ ตอนนี้จะกำลังทำอะไรอยู่?
คนแรกที่หยิบไมค์ตอบคำถามก็คือ พัคโบกอม ที่บอกว่า “ทั้งตัวละครของผมและนักแสดงทุกท่านเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติที่ต้องใช้ร่างกายมาก่อน เลยคิดว่าน่าจะยังอยู่ในทีมชาติในฐานะนักกีฬา หรือไม่ก็อาจจะช่วยฝึกสอนรุ่นน้องในฐานะโค้ชครับ อีกอย่างคือดงจูเป็นตัวละครที่มองแต่ฮันนาคนเดียว เลยคิดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพให้ฮันนาครับ”
ถัดมาเป็น อีซังอี ที่ตอบต่อทันทีว่า “ผมก็เห็นด้วยครับว่าน่าจะเป็นแบบนั้น น่าจะดีถ้าทุกคนรอติดตามเนื้อหาต่อไปในอนาคตครับ สำหรับจงฮยอน เหมือนกับที่คุณพัคโบกอมพูดไปเมื่อสักครู่ กีฬาฟันดาบมีความหมายกับจงฮยอนมาก เลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักกีฬาฟันดาบต่อไปเช่นกันครับ”
และสุดท้ายเป็น คิมโซฮยอน ที่ตอบว่า “ฮันนาก็น่าจะเหมือนกันค่ะ ตอนเป็นนักกีฬา เธอใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยมีอิสระและมีข้อจำกัดหลายด้าน เลยคิดว่าถ้าตอนที่เพิ่งเลิกอาชีพนักกีฬา น่าจะไปเที่ยวต่างประเทศค่ะ ไปเที่ยว ไปสัมผัสกับอะไรใหม่ ๆ อย่างเป็นอิสระ ได้ลองเปิดประสบการณ์ทำสิ่งต่าง ๆ และหลังจากนั้นก็คงกลับไปสู่การยิงปืนเช่นเคยค่ะ”
คำตอบของทั้ง 3 นักแสดงเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือทุกตัวละครเติบโตมากับการเป็นนักกีฬา ต่อให้เส้นทางข้างหน้าจะไม่ประสบความสำเร็จ หรือมีเหตุพลิกผันให้ต้องเลิกล้ม พวกเขาทุกคนก็จะยังคงก้าวต่อไปในเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับกีฬาอยู่ดี
และก่อนจะจากกันไป เราก็ขอทิ้งท้ายด้วยคำตอบจากเหล่านักแสดง กับคำถามที่ว่า ถ้าที่ให้ลองเปรียบเทียบซีรีส์เรื่อง GOOD BOY ด้วยเมนูอาหาร จะเป็นเมนูอะไร?
คำตอบแรกจากพัคโบกอม ตอบว่า “ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามีรสชาติของต้มยำกุ้งครับ ถ้าได้ลองกินต้มยำกุ้งแล้ว จะเจอทั้งเห็ด ไหนจะมีผักอีก มีกุ้งด้วยมีผักหลากหลายชนิด เรียกว่าเป็นอาหารที่รวมมิตรทุกอย่างไว้ด้วยกันได้ไหมนะครับ อาหารหลากชนิด มารวมกันได้อย่างลงตัวกลายเป็นอาหารที่อร่อย คิดว่าต้มยำกุ้งเป็นอาหารแบบนั้นครับ เป็นผลงานที่ทั้งสนุก สดชื่น และถึงใจครับ เป็นผลงานที่อร่อยมากๆ ครับ”
คิมโซฮยอน “เมื่อสักครู่คุณโบกอมได้พูดถึงอาหารไทยไปแล้ว ฉันเลยขอเลือกอาหารเกาหลี บิบิมบับค่ะ ทุกคนรู้จักบิบิมบับกันใช่ไหมคะ มีทั้งผักหลายชนิด เนื้อ ไข่ รวมอยู่ด้วยกัน ละครของพวกเราก็มีทั้งคอเมดี้ แอ็กชั่น สืบสวน โรแมนซ์ใช่ไหมคะ แต่ละส่วนผสมกันอย่างลงตัว เหมือนกับบิบิมบับที่อร่อยค่ะ
เมนูสุดท้ายจากอีซังอีคือ “GOOD BOY เป็นเหมือนกับมังคุดครับ เพราะได้ยินว่าตอนนี้เป็นหน้ามังคุดครับ ผลงานที่เหมาะกับการรับชมที่สุดในอากาศแบบนี้ ในช่วงเวลานี้ ก็คือ GOOD BOY ครับ
และพัคโบกอมบอกต่ออีกว่า “ให้ทานบิบิมบัมเป็นจานหลักนะครับ ส่วนข้างๆ มีต้มยำกุ้งทานเป็นน้ำแกง เสร็จแล้วก็ทานมังคุดเป็นของหวานได้เลยครับ”
เรียกได้ว่าครบรสในมื้ออาหารจริงๆ ได้ฟังคำตอบที่มีทั้งอาหารไทย อาหารเกาหลี รวมถึงเส้นทางการฝึกฝนของเหล่านักแสดงแล้ว ยิ่งทำให้อดใจไม่ไหว อยากจะรีบไปดูซีรีส์เรื่องนี้เลยจริงๆ