นับเป็นหนึ่งในภาพถ่ายที่หลายคนยกให้สะเทือนขวัญที่สุด จากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ Holocaust ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ‘ชาวยิวคนสุดท้ายในวินนิตซา’ (The Last Jew in Vinnitsa) โดยปรากฏภาพทหารเยอรมันกำลังจ่อปืนไปที่หัวของชายคนหนึ่ง ขณะที่เขาคุกเข่าท่ามกลางทหารนาซีอีกประมาณ 20 นายยืนดูอยู่รอบๆ และศพจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม หลายปีที่ผ่านมาตัวตนของผู้ก่อเหตุและเหยื่อในภาพนี้ ยังคงไม่ชัดเจน จนกระทั่ง เจอร์เกน มัทเธอุส (Jürgen Matthäus) นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ พยายามไขปริศนาดังกล่าว
ด้วยความช่วยเหลือของ AI มัทเธอุสสามารถระบุตัวฆาตกรได้ โดยเขาและนักวิจัยคนอื่นๆ เริ่มต้นจากการใช้ AI ช่วยยืนยันตำแหน่งของภาพ จากการอาศัยภาพอาคารและผังเมือง ที่อยู่ฉากหลังของภาพ The Last Jew in Vinnitsa
จากนั้นรายละเอียดของเหตุการณ์นั้น ก็ถูกตีพิมพ์ในปี 2023 บนวารสารประวัติศาสตร์ Zeitschrift für Geschichtswissenschaft โดยมัทเธอุสระบุว่า ทหารได้ลงมือสังหารหมู่เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1941 ซึ่งน่าจะเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ณ ป้อมปราการเมืองเบอร์ดิชิฟ (Berdychiv) ประเทศยูเครนในปัจจุบัน
เมืองดังกล่าวเป็นศูนย์กลางชุมชนชาวยิวที่เจริญรุ่งเรืองมาหลายศตวรรษ โดยขณะนั้นทหารเอสเอส (Schutzstaffel หรือ SS) จากหน่วยสังหารเคลื่อนที่ ไอน์ซัทซ์กรุปเป ซี (Einsatzgruppe C commando) กำลังปฏิบัติการกวาดล้างชาวยิวในพื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) จะมาเยือนในอีกไม่กี่วัน
หลังจากที่ข่าวการค้นพบครั้งนี้เผยแพร่ออกไป มัทเธอุสก็ได้รับจดหมายจากชายคนหนึ่งที่สงสัยมาตลอดว่า ทหารที่ใช้ปืนจ่อหัวเหยื่อในภาพ อาจเป็นลุงของภรรยาของเขา ผู้เคยเป็นสมาชิกหน่วยเอสเอส ที่ประจำการอยู่แนวรบด้านตะวันออกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
แม้ครอบครัว จะทำลายจดหมายในช่วงทศวรรษ 1990 ของทหารเอสเอสไปหมดแล้ว แต่ญาติๆ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตและอาชีพทหารของฆาตกรในภาพ รวมถึงภาพถ่ายเปรียบเทียบ ซึ่งหลังจากนั้นทีมวิจัยก็ใช้จับคู่กับภาพต้นฉบับ โดยใช้ AI ด้วยความแม่นยำ 99%
เมื่อประกอบกับหลักฐานแวดล้อมอีกหลายประการแล้ว ก็ทำให้มัทเธอุสมั่นใจว่า การระบุตัวตนของฆาตกรนั้น น่าเชื่อถือพอที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณะ
รายงานเปิดเผยว่า ฆาตกรในภาพคือ จาโคบัส ออนเนน (Jakobus Onnen) เกิดในปี 1906 ที่หมู่บ้านทิเชลวาร์ฟ (Tichelwarf) ประเทศเยอรมนี ใกล้ชายแดนเนเธอร์แลนด์
ออนเนนมาจากครอบครัวที่มีการศึกษา โดยหลังจากจบมัธยมปลาย เขาก็เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และพลศึกษา ก่อนที่จะเข้าร่วมกองกำลังทหารของพรรคนาซี เมื่ออายุ 25 ปี และเสียชีวิตในสนามรบในปี 1943
“เครื่องมือดิจิทัลในสาขามนุษยศาสตร์มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่โดยปกติแล้วจะใช้เพื่อการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ไม่ใช่เพื่อการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ” มัทเธอุสกล่าวถึงศักยภาพในการใช้ AI ในสาขาของเขา
เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เครื่องมือแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบเพียงวิธีเดียว แต่เป็นหนึ่งในหลายๆ เครื่องมือ ซึ่งปัจจัยด้านมนุษย์ยังคงเป็นกุญแจสำคัญ”
อ้างอิงจาก