จากกรณีการเสียชีวิตของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ที่ถูกหลอกไปทำงานและถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตในกัมพูชา กลายเป็นชนวนสำคัญที่จุดกระแสให้รัฐบาลเกาหลีใต้พยายามเข้ามาแก้ปัญหาสแกมเมอร์ The MATTER ขอรวบรวมความเคลื่อนไหวของรัฐบาลเกาหลีใต้ในช่วงราวหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามาให้ทุกคนที่ติดตามกัน ด้วยความหวังว่าความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะเป็นกรณีศึกษาให้เราได้ไม่มากก็น้อย
#เรียกทูตกัมพูชาเข้าพบ ก่อนออกมาตรการเต็มรูปแบบ
วันที่ 11 ตุลาคม ประธานาธิบดี อี แจมยอง ของเกาหลีใต้ สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศตอบโต้ด้วยมาตรการแบบ ‘เต็มรูปแบบ’ เพื่อจัดการกับปัญหาสแกมเมอร์ในกัมพูชา
คำว่าเต็มรูปแบบในที่นี้ หมายความรวมถึงมาตรการ เช่น หาหนทางพาชาวเกาหลีใต้ที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์กลับประเทศให้เร็วที่สุด, จัดตั้งทีมงานพิเศษเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ ตลอดจนติดต่อไปยังกัมพูชาเพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อหาความยุติธรรมให้กับเหยื่อและผู้เสียชีวิต จากขบวนการสแกมเมอร์
ในเวลาต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำกรุงโซล เข้าพบ เพื่อแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาใช้มาตรการที่รวดเร็ว เป็นรูปธรรมเพื่อขจัดแก๊งสแกมเมอร์ออนไลน์ นี่ถือเป็นสัญญาณทางการทูตที่ชัดเจนว่า เกาหลีใต้จริงจังกับปัญหานี้มากแค่ไหน
ต่อมาวันที่ 12 ตุลาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลี (KNPA) ได้ประกาศการประชุมสุดยอดทวิภาคีกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา ณ โรงแรมคอนราด โซล ในเขตยองดึงโพ กรุงโซล เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจในการจัดตั้งหน่วยงานตำรวจเกาหลี ซึ่ง KNPA จะส่งหัวหน้าสำนักงานสืบสวนแห่งชาติไปยังกัมพูชาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์และส่งเสริมความร่วมมือในการสืบสวนสอบสวนด้วย
#ส่งผู้แทนเกาหลีใต้ไปกัมพูชา
คิม จีนา รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ เดินทางไปเยือนพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยตัวเอง และร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่หลายคน รวมถึงนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ของกัมพูชาด้วย โดยมีรายงานว่า ทั้งเจ้าหน้าที่กัมพูชาและเกาหลีใต้เห็นพ้องว่าจะร่วมมือกันในการปราบปรามศูนย์สแกมเมอร์
ขณะที่ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ วี ซุงแล็ก กล่าวว่า เกาหลีใต้จะระดมทุกวิถีทางที่มีอยู่เพื่อปกป้องความปลอดภัยและทรัพย์สินของชาวเกาหลีใต้ และส่งเสริมการประสานงานกับกัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรระหว่างประเทศ
ทว่า ฮุน กล่าวว่า กัมพูชาไม่จำเป็นต้องให้ประเทศเพื่อนบ้านดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ออนไลน์ และทั้งสองประเทศ (เกาหลีใต้ และกัมพูชา) สามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่ต้องมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในขณะที่ก็มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา โดย ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี คุยโทรศัพท์ กับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โดยเกาหลีใต้ยินดีที่จะลงทุนในประเทศไทย ในขณะที่ไทยเองยินดีให้ความร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อจัดการปัญหาขบวนการสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา
#ความเคลื่อนไหวจากกระทรวงแรงงาน
สถานการณ์นี้ได้เปิดโปงความจริงให้เห็นว่า ชาวเกาหลีใต้ราว 1,000 คน ตกเป็นเหยื่อของอุตสาหกรรมหลอกลวงที่แผ่ขยายวงกว้างในกัมพูชา ทำให้ล่าสุด คิม ยองฮุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเกาหลีใต้ ประกาศแผนการพบกับตัวแทนจากเว็บไซต์จัดหางาน เพื่อเสริมสร้างระบบคัดกรองโฆษณารับสมัครงานที่หลอกลวง
#สั่งแบนการเดินทางไปบางพื้นที่ในกัมพูชา
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 10 ตุลาคม กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ยกระดับการแจ้งเตือนการเดินทางในพนมเปญ จากระดับ 2 (ระมัดระวังสูง) เป็น 2.5 (คำแนะนำการเดินทางพิเศษ) ก่อนที่ในวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ออกคำสั่งรหัสดำ ‘ห้าม’ เดินทางไปยังบางพื้นที่ของกัมพูชา
ซึ่งในแถลงการณ์ระบุว่า พื้นที่ภูเขาโบกอร์ในจังหวัดกำปง เมืองบาเวต และเมืองปอยเปต เป็นเขตห้ามการเดินทาง และขอให้พลเมืองเกาหลีใต้ที่เดินทางหรือพำนักอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว อาจต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติหนังสือเดินทางและกฎระเบียบอื่นๆ ดังนั้น ขอให้พลเมืองยกเลิกการเดินทางในพื้นที่ดังกล่าว
ขณะที่ คิม จีนา รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ระบุว่า ฮุนขอให้เกาหลีใต้ผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทาง โดยอ้างถึงความกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการลงทุนและการท่องเที่ยวในกัมพูชา แต่เธอได้อธิบายฮุนว่าข้อจำกัดเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเกาหลีใต้จะผ่อนปรนมาตรการหากสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว
หลังจากนี้ เราอยากชวนทุกคนมาจับตาดูการเคลื่อนไหวและวิธีการแก้ปัญหานี้จากนานาชาติ รวมถึงบ้านเรากันต่อไป เพราะก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหานี้ประเทศไทยเองก็ประสบอยู่เช่นกัน แม้ว่าจะมีความพยายามในการแก้ปัญหามาหลายครั้งแล้วก็ตาม
อ้างอิงจาก