กลายเป็นกระแสในปัจจุบัน ที่เมื่อมีเหตุการณ์ อีเวนท์ หรืองานสำคัญๆ นอกจากการถ่ายรูปภาพ หรือวิดีโอแล้ว สมัยนี้ยังมีการไลฟ์ ถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงเหตุการณ์โศกนาฎกรรมกราดยิงในมัสยิดของนิวซีแลนด์ ซึ่งระหว่างก่อเหตุ คนร้ายได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ถึง 17 นาที ซึ่งแม้เฟซบุ๊กจะลบคลิปนั้นไปแล้ว แต่ก็มีคนที่ดาวน์โหลดคลิปนี้ไป และอัพโหลดคลิปนี้ใหม่เรื่อยๆ ซ้ำๆ
โดยเฟซบุ๊ก ได้ระบุผ่านทางทวิตเตอร์ว่า หลังเกิดเหตุ 24 ชั่วโมง เฟซบุ๊กต้องทำการไล่ลบคลิปเหตุการณ์นี้ถึง 1.5 ล้านคลิป ซึ่งมีผู้ใช้งานจำนวน 1.2 ล้านคนที่ถูกบล็อกระหว่างการอัพโหลด และจะทำการลบออกจากทั้งเฟซบุ๊กและอินสตราแกรม ทั้ง Mia Garlick โฆษกของเฟซบุ๊กยังกล่าวว่าบริษัทจะทำการลบวิดีโอในเวอร์ชันตัดต่อต่างๆ ด้วย
ด้าน จาซินดา อาร์เดน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ และได้กล่าวว่าเธอจะหาทางติดต่อกับเฟซบุ๊ก เพื่อหยุดความเคลื่อนไหวในการปล่อยคลิปวิดีโอ “ประเด็นนี้ไปไกลเกินกว่าในนิวซีแลนด์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่พยายามหาทางแก้ไขปัญหา” ซึ่งเธอบอกว่าจะหาทางพูดคุยโดยครงกับเฟซบุ๊ก
นอกจากนี้ ยังมีคนมองว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรจะควบคุมการทำงานให้เข้มงวดขึ้น อย่าง Philip Hammond นักการเมืองของอังกฤษก็ให้สัมภาษณ์ว่า “บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ต้องทำอะไรมากกว่านี้ ในขณะที่โลกกลายเป็นดิจิตอลมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องหาวิธีที่จะทำให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมดิจิทัลของเรานั้นได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ และทำงานด้วยมาตรฐาน บรรทัดฐานเดียวกันที่เราคาดหวังในโลกแห่งความจริงรอบตัวเรา และทำให้ชัดเจนว่าจะไม่เกิดขึ้นในขณะนี้”
การลบวิดีโอกว่าล้านคลิปถือเป็นความท้าทายอย่างมากในการดูแลเว็บไซต์ ในการตรวจสอบเนื้อหา ลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และผิดกฎหมาย ซึ่งแพร่กระจายอย่างเร็วในโลกออนไลน์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ไลฟ์ในครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคลิปการฆาตกรรม การโจมตีที่น่ากลัว ไม่ใช่แค่เพียงในต่างประเทศเท่านั้น แต่ในไทยเองก็เคยมีเหตุการณ์การไลฟ์ฆ่าตัวตายมาแล้วเช่นกัน
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/world/2019/mar/17/facebook-removed-15m-videos-new-zealand-terror-attack
#Brief #TheMATTER