โลกร้อน อากาศเปลี่ยน ขยะ มลพิษที่เพิ่มขึ้น เป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกประเทศประสบร่วมกัน ซึ่งรัฐบาลหลายๆ ประเทศได้พยายามหาทางแก้ไข ออกกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซบ้าง แบนการใช้พลาสติก หรือปลูกต้นไม้เพิ่มบ้าง แต่ตอนนี้ สหราชอาณาจักรได้ก้าวไปอีกขึ้น ในการประกาศภาวะฉุกเฉินกับเรื่องนี้
รัฐสภาสหราชอาณาจักร เป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศภาวะฉุกเฉินกับประเด็น ‘สิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ’ เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นำโดย เจเรมี คอร์บิน หัวหน้าฝ่ายค้าน และพรรคแรงงาน เรียกร้องให้มีการเคลื่อนไหวนี้ ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ตระหนักถึงความเร่งด่วนที่จำเป็นในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์สภาพอากาศ และคอร์บินยังเรียกร้องรัฐสภา และรัฐบาลทั่วโลกให้มีการเคลื่อนไหวเช่นนี้ด้วย
คอร์บินยังระบุอีกว่า “เราสัญญาว่าจะร่วมมืออย่างใกล้ชิด กับประเทศที่มีปัญหาร้ายแรงในการทำให้หายนะทางสภาพอากาศสิ้นสุด และจะทำให้มั่นใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ จะไม่สามารถนิ่งเฉยต่อข้อตกลงนานาชาติ และต้องลงมือปฏิบัติเกี่ยวกับวิกฤตทางอากาศนี้” และเขายังเรียกร้องแก่ ส.ส. ว่า เราไม่ควรเสียเวลาเปล่าอีกแล้ว “นี่ไม่ใช่อนาคตอันไกลอีกต่อไป เรากำลังพูดถึงสิ่งที่ไม่ได้น้อยไปกว่าการทำลายสิ่งแวดล้อม ที่อาจจะไม่กลับคืนมาได้แล้วในช่วงชีวิคจองเรา”
เมืองต่างๆ ในสหราชอาณาจักร รวมถึงในเวลส์ และสก็อตแลนด์ ต่างก็ประกาศภาวะฉุกเฉินเรื่องสภาพอากาศแล้ว แม้ว่าจะยังไม่มีการตีความว่า มันหมายถึงอะไร และต้องมีการปฏิบัติอย่างไร แต่หลายๆ พื้นที่ก็ระบุว่าต้องที่จะเป็น ‘Carbon Neutral’ หรือปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี 2030 ในขณะที่ บางเทศบาลเองสัญญาว่าจะผลักดันศูนย์กลางของรถใช้ไฟฟ้า และสร้างบ้านที่ยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นด้วย
การประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการชุมนุมของกลุ่มนักกิจกรรม ‘Extinction Rebellion’ ในหลายเมือง ที่ต้องการให้ประเด็นภาวะโลกร้อนถูกผลักดัน และมีการลงมือแก้ไข ซึ่งการประกาศเป็นเพีนงการแสดงเจตจำนงค์ของสภา แต่ยังไม่มีการบังคับตามกฎหมาย ซึ่งทางรัฐมนตรียังยืนยันว่ากฎหมายจะได้รับการแนะนำโดยรัฐบาลเร็วๆ นี้ เพื่อให้แน่ใจว่าสหราชอาณาจักรมี ‘มาตรฐานสูงสุดด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม’
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER