เลขบัตรประจำตัวประชาชน ของเราถูกเอาไปใช้ทำอะไรได้มากมาย มีหลายครั้งก็มีข่าวที่ภาคธุรกิจปล่อยให้รั่วไหล จนกลายเป็นความกังวลว่าอาจนำไปสู่ปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลได้อยู่บ่อยๆ
สิงคโปร์กำลังจะเริ่มใช้มาตรการใหม่ ที่ห้ามภาคธุรกิจเก็บข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้บริโภค หรือลูกค้าต่างๆ เอาไว้ในระบบอีกต่อไป โดยมาตรการนี้จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2019
บทลงโทษคือ ถ้าหากธุรกิจใดไม่สามารถทำตามข้อกำหนดนี้ได้ จะต้องถูกลงโทษเป็นค่าปรับสูงสุดถึง 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราวๆ 22 ล้านบาทไทย
โดยคณะกรรมการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของสิงคโปร์ (Personal Data Protection Commission – PDPC) เคยประกาศมาตรการนี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนสิงหาคมของปี 2018 ซึ่งกับเท่ากับว่าให้เวลาภาคธุรกิจได้มีเวลาปรับตัวกว่า 1 ปีเต็ม
PDPC ประกาศว่า มันมีความจำเป็นที่ภาคธุรกิจในสิงคโปร์ต้องลดการเก็บข้อมูลส่วนตัวของประชาชนตามอำเภอใจ หรือเก็บข้อมูลกันโดยไม่สมเหตุสมผลกันได้แล้ว โดยเฉพาะกับเรื่องตัวเลขบัตรประชาชน ที่มีความเสี่ยงในปัญหาความเป็นส่วนตัวได้
อย่างไรก็ดี PDPC ก็ได้แนะนำให้ภาคธุรกิจปรับไปเก็บข้อมูลในแบบอื่นๆ เช่น เก็บแค่เลขบัตรบางส่วนไว้เท่านั้น (3 ตัวท้าย) หรือเก็บข้อมูลแค่ชื่อผู้ใช้ที่ลูกค้าเป็นคนตั้งขึ้นมาเอง รวมถึงเปิดทางให้เก็บค่าแฮชของเลขบัตรประชาชนแทน
นอกจากบัตรประชาชนแล้ว ยังมีข้อแนะนำให้ภาคธุรกิจเก็บเลขบัตรประจำตัวจากหนังสือเดินทางเท่าที่จำเป็นเช่นกัน
มาตรการเหล่านี้ ก็เพื่อลดทอนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้จากการที่เลขบัตรประจำตัวประชาชน ที่อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการดูแลระบบ หรือความตั้งใจของบริษัทที่เอาข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่อันตราย และละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้คน
อ้างอิงจาก
https://www.straitstimes.com/tech/stricter-nric-data-collection-rules-to-kick-in-from-sunday
https://www.blognone.com/node/111573
#Brief #TheMATTER