เช้าวันนี้ แฟนๆ สินค้าแบรนด์ญี่ปุ่น (ที่ชื่อมีความหมายว่า ‘สินค้าคุณภาพ ไม่มีแบรนด์’) อย่าง MUJI อาจต้องแอบกรี๊ดดังๆ ในใจ เมื่อเพจของ MUJI ไทย ประกาศปรับราคาสินค้าใหม่ 20 รายการรวด
แม้การปรับราคานี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะได้ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะปรับราคาสินค้ากว่า 1,100 รายการ โดยเพจ MUJI ไทยอธิบายว่า “เพื่อให้ได้ราคาที่จดจำได้ง่ายและง่ายต่อการซื้อ” และ “เราอยากให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด”
สำหรับคนที่เคยซื้อสินค้า MUJI ในไทย จะรู้ดีกว่า หลายรายการมีราคาแพงกว่าที่ญี่ปุ่น เพราะต้องบวกภาษีเข้าไปด้วย ทำให้แบรนด์นี้ถูกมองว่า ขายสินค้าราคาไม่ค่อยย่อมเยาว์เท่าใดนัก
และความรู้สึกไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในไทย แต่รวมถึงหลายๆ ประเทศที่ MUJI ไปเปิดสาขา
ตลอดทั้งปี ค.ศ.2019 เป็นปีที่ MUJI และบริษัทแม่อย่าง Ryohin Keikaku เผชิญความท้าทายที่น่าสนใจ จากผลกำไรที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบแปดปี ตัวเลขผลประกอบการต่างๆ ก็ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ไม่รวมถึงยอดขายในจีนที่ตกลงอย่างน่าใจหาย
ปัญหาสำคัญของ MUJI ก็คือเรื่อง ‘ราคา’ นี่เอง จากการต้องเสียภาษีนำเข้า ทำให้สินค้าบางรายการในหลายประเทศแพงกว่าที่ญี่ปุ่นมาก และต้องเผชิญคู่แข่งที่ขายสินค้าใกล้เคียงกัน แต่มีราคาถูกกว่า เช่น Miniso ของจีน
ซึ่งบริษัทเองก็รู้ถึงปัญหานี้มานานแล้ว และหาวิธีลดราคาขายสินค้าในหลายๆ ประเทศ เช่น ไปตั้งโรงงานผลิตสินค้าบางรายการในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดต้นทุนจากภาษีนำเข้าและค่าแรงที่ถูกกว่า ขณะเดียวกัน ยังเข้าไปตั้งสำนักงานในจีน เพื่อวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคท้องถิ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีไซเนอร์ในญี่ปุ่นอาจไม่รู้
ซีอีโอของ MUJI ซาโตรุ มัตซึซากิ เคยบินมาเมืองไทยหลายปีก่อน และพูดเรื่องการปรับราคาขายสินค้าของ MUJI นอกประเทศ (รวมถึงไทย) ให้ลดลงจนเท่าญี่ปุ่น ภายในปี ค.ศ.2020
เขายังวางเป้าหมายว่า ภายในปี ค.ศ.2030 จะทำให้ MUJI มีสาขาตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก และมีมูลค่าบริษัทเติบโตขึ้นกว่าในปัจจุบัน 2-3 เท่า
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/muji.thailand/posts/1635097663290906
https://positioningmag.com/1140213
#Brief #TheMATTER