หลังจากประกาศตัวมานานว่าไม่เชื่อเรื่องโลกร้อน ในที่สุด โดนัลด์ ทรัมป์ก็ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า สหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส อย่างเร็วที่สุด คือวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้
หากทรัมป์ส่งจดหมายเรื่องการถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส ไปให้องค์การสหประชาชาติในวันที่ 4 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2019 กระบวนการถอนตัว ต้องใช้เวลาดำเนินการ 1 ปี ซึ่งจะมีผลในวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2020 และเป็นหนึ่งวันหลังจากที่สหรัฐฯ มีการเลือกตั้งใหม่ประธานาธิบดีใหม่แล้ว
ข้อตกลงปารีส เป็นข้อตกลงที่ 195 ประเทศทั่วโลกมาจับมือกันแก้ปัญหาโลกร้อน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยกันควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส ซึ่งเดิมที สหรัฐฯ ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมข้อตกลงนี้ แต่ทรัมป์ยืนกรานตั้งแต่ก่อนจะเป็นประธานาธิปดีแล้วว่าโลกร้อนเป็นเรื่องลวงโลก (เกรต้าโกรธแล้วนะ)
ทรัมป์กล่าวว่า ข้อตกลงปารีสจะส่งผลเสียต่อผู้ผลิตชาวอเมริกัน เพราะถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบที่มากเกินไป แต่กลับผ่อนปรนให้ผู้ผลิตต่างชาติก่อมลพิษได้โดยไม่ต้องรับโทษใดๆ ทั้งยังบอกอีกว่า “เราจะไม่ลงโทษคนอเมริกัน ในขณะที่ส่งเสริมผู้ก่อมลพิษที่เป็นชาวต่างชาติ ผมภูมิใจที่จะพูดว่า ‘อเมริกาต้องมาก่อน’”
ก่อนหน้านี้ บารัค โอบามา ประธานาธิปดีของสหรัฐฯ คนก่อน เคยให้คำมั่นสัญญาว่า เขาจะทำตามข้อตกลงปารีสเพื่อที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากถึง 28% จากปี ค.ศ.2005 ก่อนปี ค.ศ. 2025 เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน
แอนดรูว์ ไลท์ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของโอบามา กล่าวว่า การถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสอย่างเป็นทางการของทรัมป์ จะทำให้การเข้าร่วมการประชุมอื่นๆ ของนักการทูตสหรัฐฯ อย่าง การประชุม G7 ที่ผ่านมา เป็นเรื่องยุ่งยาก พร้อมกล่าวว่า จะต้องใช้เวลาอีกสักพัก ถึงจะฟื้นฟูนโยบายทางการทูตจากความหายนะครั้งนี้ได้
อ้างอิงจาก
ภาพประกอบจาก การประชุม UN climate summit ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-50165596
#Brief #TheMATTER