แม้ว่าสถานการณ์ในฮ่องกงยังไม่คลี่คลาย ยังคงมีการชุมนุม และเรียกร้องประชาธิปไตยจากจีน ในวันนี้ ชาวไต้หวันได้เข้าคูหาเลือกตั้ง เลือกผู้นำกันอีกสมัย ซึ่งพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ก็สามารถเอาชนะพรรคชาตินิยม ที่ชูนโยบาย Pro-china หรือสานสัมพันธ์แนบแน่นกับจีนไปได้
ไช่ อิง-เหวิน (Tsai Ing-wen) ประธานาธิบดีหญิง วัย 63 ปี จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ชนะการเลือกตั้งผู้นำไต้หวันสมัยที่ 2 ดำรงตำแหน่งต่ออีกเป็นเวลา 4 ปี ด้วยการชูนโยบายต้องการแยกเอกราชไต้หวันจากจีน โดยผลการนับคะแนนเบื้องต้นระบุว่า ไช่ได้รับคะแนนเสียงอย่างน้อย 57% หรือประมาณกว่า 7.9 ล้านเสียง
โดยไช่ เอาชนะฮั่น เกา หยู (Han Kuo-yu) ผู้นำฝ่ายค้านพรรคชาตินิยมก๊กมินตั๋ง (KMT) ซึ่งชูนโยบายสานสัมพันธ์แนบแน่นกับจีน ที่ได้คะแนนเสียง 38% และเจมส์ ซ่ง (James Soong) จากพรรคประชาชนต้องมาก่อน ที่ได้คะแนนเพียง 4%
การเลือกตั้งในปีนี้ของไต้หวัน ถือว่าเป็นครั้งสำคัญ เพราะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิถึง 19 ล้านคน ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งก่อน ในปี ค.ศ.2016 ไช่ชนะการเลือกตั้ง และกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวัน ด้วยคะแนนกว่า 6.9 ล้านเสียง แต่ในครั้งนี้ เธอได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากขึ้นกว่าเดิม
นักวิเคราะห์มองว่า แคมเปญหาเสียงของเธอ ได้รับแรงหนุนจากข้อความที่เธอต้องการปกป้องไต้หวันจากแรงกดดันจากจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งเธอยังปฏิเสธจีนอย่างต่อเนื่อง ที่มักกล่าวว่า “ไต้หวันควรอยู่ภายใต้รูปแบบหนึ่งประเทศสองระบบ” และเธอยังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนหนุ่มสาว ในการผลักดันร่างกฎหมายให้การสมรสเพศเดียวกันมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม ปีที่ผ่านมาด้วย
รวมถึงจากสถานการณ์ในฮ่องกง ทำให้ชาวไต้หวันบางส่วนมองว่า ไต้หวันควรรักษาประชาธิปไตย และสิทธิของตัวเองไว้ อย่าง สเตซี่ ลิน (Stacy Lin) วัย 20 ปี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกก็ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนหนึ่งที่เธอโหวตให้ไช่ เพราะว่า “ฉันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในฮ่องกงและมันช่างน่ากลัว ฉันแค่ต้องการให้แน่ใจว่าฉันมีอิสระในการลงคะแนนในอนาคต” โดยหลังคูหาปิด ประชาชนผู้สนับสนุนไช่ ได้เดินทางมารวมตัวกัน ซึ่งในกลุ่มประชาชนนั้น มีผู้ที่ถือธงดำ พร้อมข้อความสนับสนุนปลดปล่อยฮ่องกง รวมอยู่ด้วย
พิสูจน์อักษร: จิรัชญา ชัยชุมขุน
#Brief #TheMATTER