ถือเป็นการยกระดับมาตรการครั้งสำคัญมากๆ ของสหรัฐอเมริกา เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกแถลงการณ์ ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ (national emergency) เพื่อรับมือกับวิกฤติโควิด-19 แล้ว
เหตุผลสำคัญของการประกาศในครั้งนี้ คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในสหรัฐฯ ณ เวลานี้ที่ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 1,700 ราย และเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 40 ราย
ทรัมป์ยังประกาศด้วยว่า ได้จัดตั้งงบประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือคิดเป็นเงินไทยได้ 1.5 ล้านล้านบาท) เพื่อจัดสรรให้ความช่วยเหลือกับรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ
“ขอให้รัฐทุกรัฐ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินที่สามารถทำงานได้ในทันที” ทรัมป์ กล่าว นอกจากนี้ เขายังได้ขอให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เริ่มใช้แผนรองรับภาวะฉุกเฉิน ควบคู่ไปกับการประสานงานกับรัฐบาลกลางโดยด่วน เพื่อรับมือกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ชุดทดสอบเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกกว่า 500,000 ชุดถูกกระจายไปยังจุดต่างๆ ทั่วประเทศภายในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน
ตามหลักการแล้ว เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติเมื่อไหร่ หน่วยงานที่จะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในทันทีก็คือ ‘สำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลาง’ (Federal Emergency Management Agency – Fema) ที่จะทำงานเป็นผู้ประสานงานกลาง ในการจัดการประเด็นที่ถูกรับมอบหมายมา
เช่นเดียวกับการลดข้อจำกัดด้านการสั่งการ เพื่อให้การจัดการสถานการณ์เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการให้อำนาจเพิ่มเติมแก่ประธานาธิบดีในบางเรื่อง
การประกาศครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่สถานศึกษา และสำนักงานภาครัฐ รวมถึงงานกิจกรรมและกีฬาต่างๆ ได้ยกเลิกทำการชั่วคราว ขณะเดียวกัน ทรัมป์เองก็ถูกวิจารณ์ถึงเรื่องการรับมือที่ช้าและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ เคยประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินระดับชาติมาแล้ว เช่นเรื่องการควบคุมพรมแดนทางทิศใต้ รวมถึง การจัดการปัญหาไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย และภัยพิบัติน้ำท่วมในภูมิภาคทางตะวันตกตอนกลาง
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2020/03/13/us/politics/trump-emergency-coronavirus.html
https://www.theatlantic.com/magazine/archive/2019/01/presidential-emergency-powers/576418/
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-51882381
#Brief #โควิด19 #TheMATTER