หลังตัวเลขผู้ป่วย COVID-19 ในไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังเป็นสองหลักอยู่ แต่ก็น้อยกว่าประเทศอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ผ่อนคลายการปิดเมือง ตามมาตรการ social distancing ลง
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ได้ส่งบทความ ‘ประสบการณ์ต่างประเทศของการระบาดและมาตรการคุมการระบาดไวรัสโควิด-19’ ซึ่งมีเนื้อหาสรุปความสำเร็จและความผิดพลาดในมาตรการรับมือวิกฤต COVID-19 ในประเทศต่างๆ หนึ่งในนั้น รวมถึงการกลับมาเปิดเมือง (re-opening) อีกครั้ง โดยยกตัวอย่างเมืองอู่ฮั่นและเมืองหนานจิงของจีนซึ่งใช้วิธี ‘เปิดเมืองอย่างระมัดระวัง’ เป็นกรณีศึกษา
กรณี #เมืองอู่ฮั่น ที่กลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง 8 เมษายนที่ผ่านมา ใช้วิธีเปิดเมืองเป็น 2 ระยะ
ระยะแรก เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม เริ่มผ่อนคลายให้ประชาชนเดินทางเข้า-ออกจากเมืองได้ พร้อมอนุญาตให้เปิดห้างสรรพสินค้า สถาบันเทิงและสวนสนุกที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อให้คนกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านได้
ระยะที่สอง เริ่มใช้หลังวันที่ 8 เมษายน นำเทคโนโลยีมาใช้ควบคุมโรคผ่านแอพฯ Alipay และ WeChat ที่จะระบุที่อยู่ ประวัติการเดินทาง และประวัติทางการแพทย์ของเจ้าของเครื่อง และจะสร้าง QR Code เป็น 3 สี เขียว เหลือง และแดง โดยให้เฉพาะสีเขียวเท่านั้นใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือเดินทางระหว่างเมืองได้
และแม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่มาตรการบางอย่างยังคงใช้อย่างเข้มงวด เช่น ตรวจวัดอุณหภูมิ บังคับใส่หน้ากาก ปิดสถานศึกษา ฯลฯ และห้ามคนที่มีอายุเกิน 65 ปีเดินทางเด็ดขาด
กรณี #เมืองหนานจิง ที่มีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าเมืองอู่ฮั่น ก็ใช้วิธีเปิดเมืองอย่างระมัดระวัง เช่น ป้องกันการสัมผัสจุดเสี่ยง ปฏิเสธให้บริการลูกค้าที่ไม่ใส่หน้ากาก นั่งทานอาหารห่างกัน มีแอพฯ บอกพื้นที่จุดเสี่ยง ฯลฯ
TDRI ยังเสนอว่า ประเทศไทยควรเรียนรู้และประยุกต์ใช้ทั้งบทเรียนจากความล้มเหลวและแนวทางที่ประเทศความสำเร็จจากประเทศต่างๆ โดยคำนึงถึงบริบทที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ
“เพื่อให้สามารถเลือกใช้มาตรการเปิดเมืองที่เหมาะสมกับบริบทไทยได้ โดยอาจปรับให้แยกตามพื้นที่ แยกตามประเภทกิจกรรม และแยกตามห้างเวลา รวมทั้งมีการประเมินผลอย่างเป็นระบบและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้ตลอดเวลา” บทความดังกล่าวสรุป
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://tdri.or.th/2020/04/how-countries-worldwide-are-fighting-covid-19/
พิสูจน์อักษร: จิรัชญา ชัยชุมขุน
#Brief #TheMATTER