ตอนนี้ดวงอาทิตย์ของเรา ซึ่งมีอายุกว่า 4.5 พันล้านปี กำลังอยู่ในสภาวะนิ่งๆ เงียบๆ เมื่อผลการวิจัยดวงดาวคล้ายกับดวงอาทิตย์แสดงให้เห็นว่า ดวงอาทิตย์มีความแอคทีฟทางแม่เหล็กน้อยกว่าดาวประเภทอื่นที่คล้ายกัน
ทีมวิจัยทำการสำรวจดาว 369 ดวงที่มีความคล้ายคลึงกับดวงอาทิตย์ ทั้งในเรื่องของอุณหภูมิพื้นผิว ขนาด และคาบการหมุน (ดวงอาทิตย์ใช้เวลาราว 24 วันในการหมุนรอบตัวเอง) ปรากฎว่าดวงดาวเหล่านี้มีความแปรปรวนของความสว่าง (brightness variability) มากกว่าดวงอาทิตย์ถึง 5 เท่า
Timo Reinhold นักดาราศาสตร์ผู้นำการวิจัย อธิบายว่า ความแปรปรวนนี้เกิดขึ้นจากจุดบอดบนพื้นผิวของดวงดาว อุณหภูมิและคาบการหมุนเป็นเหมือนวัตถุดิบหลักสำหรับไดนาโมที่สร้างสนามแม่เหล็กภายในดวงดาว และ จำนวน รวมไปถึงขนาดของจุดบอด ทำให้เกิดความแตกต่างกันในเรื่องความสว่าง
นักวิจัยยังเปรียบเทียบดาวที่คล้ายคลึงกันกับข้อมูลจากการสังเกตดวงอาทิตย์ที่เคยมีการบันทึกไว้ ประกอบด้วย ข้อมูลการสังเกตจุดบอดบนดวงอาทิตย์เป็นเวลา 400 ปี และข้อมูล 9,000 ปีที่อ้างอิงจากการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบทางเคมีในวงแหวนต้นไม้ (tree rings) และแกนน้ำแข็ง (ice cores) ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของดวงอาทิตย์ ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าดวงอาทิตย์ไม่ได้แอคทีฟมากไปกว่าตอนนี้เลย
แต่กิจกรรมทางแม่เหล็กที่เพิ่มขึ้นก็อาจทำให้เกิดเปลวสุริยะ (solar flares) การปลดปล่อยก้อนมวลสารจากโคโรนา (coronal mass ejections) รวมไปถึงปรากฎการณ์ทางแม่เหล็กไฟฟ้าอื่นๆ ที่สามารถส่งผลต่อโลกได้ เช่น ก่อกวนสัญญาณดาวเทียมและการสื่อสาร รวมไปถึงการทำให้นักบินอวกาศตกอยู่ในอันตรายได้ ดังนั้นการที่ดวงอาทิตย์ยังเฉื่อยๆ แบบนี้ ด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี
“ดวงดาวที่มีความแอคทีฟมากเกินไปจะเปลี่ยนเงื่อนไขสำหรับชีวิตบนดาวเคราะห์ ดังนั้นการใช้ชีวิตร่วมกับดาวที่น่าเบื่อก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่ที่สุด” Reinhold บอก
ผลการวิจัยนี้ยังสะท้อนว่าดวงอาทิตย์อาจกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตวัยกลางคน (midlife crisis) หรือ กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ช่วงชีวิตที่เงียบมากขึ้น หรือ ดวงอาทิตย์อาจมีความสามารถทางสนามแม่เหล็กมากกว่าในอดีต ซึ่งนักดาราศาสตร์ก็บอกกับเราด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่ ดวงอาทิตย์ของพวกเราจะกลับมาแอคทีฟเหมือนดาวดวงอื่นๆ ในอนาคต
อ้างอิงจาก
https://www.sciencenews.org/article/sun-less-magnetically-active-than-similar-stars
#Brief #TheMATTER