‘น้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลาย’ เป็นประโยคที่เราต่างได้ยินกันมานานหลายปีแล้ว และคาดว่ายังคงต้องฟังประโยคนี้กันต่อไปอีกเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เพราะจากผลงานวิจัยล่าสุด พบว่า การละลายของน้ำแข็งเหล่านี้ เป็นไปตามการคาดการณ์ถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้
ในช่วงปี ค.ศ.2007-2017 น้ำแข็งได้ละลายไปอย่างมหาศาล เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น สอดคล้องกับการคาดการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) โดยน้ำแข็งที่ละลายนี้จะเพิ่มระดับความสูงของน้ำทะเลโลกขึ้นไปอีก 40 เซนติเมตร ภายในปี ค.ศ.2100
“เราต้องวาดแผนที่เลวร้ายที่สุดสำหรับพืดน้ำแข็ง (ice sheets) ใหม่ เพราะตอนนี้พวกมันกำลังละลายไปตามอัตราเดียวกับแผนการที่เรามีอยู่ในปัจจุบันแล้ว” โธมัส สเลเตอร์ (Thomas Slater) นักวิจัยจากศูนย์สังเกตการณ์ขั้วโลกและการสร้างแบบจำลองของ University of Leeds กล่าว
โธมัส กล่าวด้วยว่า การคาดการณ์ระดับน้ำทะเลนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้รัฐบาลวางแผนนโยบายบรรเทาทุกข์ด้านสภาพอากาศ และกลยุทธ์การปรับตัว และหากประเมินการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอนาคตต่ำเกินไป มาตรการเหล่านี้ก็อาจไม่เพียงพอที่จะรับมือได้
ผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมามากมาย ทั้งเรื่องของการเพิ่มพลานุภาพที่รุนแรงให้กับพายุ และทำให้พื้นที่ชายฝั่งซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้คนจำนวนมากทั่วโลก ต้องเจอกับอุทกภัยบ่อยครั้ง และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ ตามการคาดการณ์ของ IPCC ยังระบุด้วยว่า การสูญเสียแผ่นน้ำแข็งส่วนบนสุดนั้น จะทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ชายฝั่งราว 50 ล้านคน ต้องเผชิญกับอุทกภัยทุกปี ภายในช่วงกลางศตวรรษที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีงานวิจัยที่ระบุว่า ต่อให้เราชะลอสถานการณ์โลกร้อนไปได้แค่ไหน ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการละลาย และแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ของพืดน้ำแข็ง (Ice Sheet) ในกรีนแลนด์ได้อีกแล้วด้วยเช่นกัน
อ้างอิงจาก
https://www.nature.com/articles/s41558-020-0893-y
#Brief #TheMATTER