หลายคนต่างก็เฝ้ารอ ภาพยนตร์ Mulan เวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่น กับเจ้าหญิงดิสนีย์ที่เป็นชาวจีน ซึ่งเราคุ้นเคยกันกับเวอร์ชั่นการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งหลังจากที่ต้องเลื่อนฉายอยู่หลายเดือน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส วันนี้ภาพยนตร์ Mulan 2020 ก็ได้เข้าโรงภาพยนตร์ในไทยแล้ว แต่กลับมีกระแส #BoycottMulan ขึ้นมาอีกครั้งด้วย
กระแส #BoycottMulan ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนที่ภาพยนตร์จะเข้าโรง แต่มีมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว เมื่อหลิวอี้เฟย นักแสดงนำได้แชร์โพสต์ของ People’s Daily สื่อของรัฐบาลจีนที่มีข้อความว่า “ฉันสนับสนุนตำรวจฮ่องกง คุณจะมาตีฉันตอนนี้ก็ได้” (“I support Hong Kong’s police, you can beat me up now,”) พร้อมติดแฮชแท็กข้อความว่า #IAlsoSupportTheHongKongPolice ซึ่งภาพและข้อความเหล่านี้ปรากฎอยู่ใน Weibo โซเชียลมีเดียของประเทศจีน
ในตอนนั้น กระแสของโซเชียลมีเดีย ทั้งในฮ่องกง และในประเทศอื่นๆ ที่สนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยของชาวฮ่องกงเอง ก็ได้ออกมาตอบโต้ถึงจุดยืนของนักแสดงผู้นี้ พร้อมกระแส #BoycottMulan และวิพากษ์วิจารณ์หลิว ผู้เป็นนักแสดงนำ ทั้งเดือนที่ผ่านมา ยังมีการเปรียบเทียบหลิว กับแอ็กเนส โชว นักกิจกรรมฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกง โดยโชวถูกยกย่องว่าเป็น ‘มู่หลานตัวจริง’ จากความกล้าหาญในอุดมการณ์ แม้ถูกทางการจับกุมตัวเพราะกฎหมายความมั่นคง
ในประเทศไทยเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศพันธมิตรชานม (กลุ่มประเทศที่มีข้อพิพาทกับจีน เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง ไทย และอื่นๆ ) ก็ได้มีกระแสนี้เช่นกัน โดยเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักกิจกรรมทางการเมือง ก็ได้โพสต์รูปภาพถือป้ายข้อความ #BanMulan ที่หน้าโปสเตอร์ของหนังเรื่องนี้ พร้อมระบุว่า
“เรายังไม่ลืมที่นักแสดงมู่หลานสนับสนุนการใช้ความรุนแรงของตำรวจต่อผู้ชุมนุมฮ่องกงที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย เชิญชวนทุกคน #BoycottMulan #BanMulan เพื่อให้ทางดีสนีย์และรัฐบาลจีนรู้ว่าความรุนแรงของรัฐต่อประชาชนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”
รวมถึงเพจเฟซบุ๊ก Thailand supports Hong Kong ที่ก็โพสต์สนับสนุนการไม่ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะจุดยืนของนักแสดงนำเช่นกัน โดยหลังจากเกิดกระแสในไทย ก็มีชาวฮ่องกง และไต้หวันที่ติดแฮชแท็ก #MilkTeaAlliance และขอบคุณชาวไทยที่ร่วมบอยคอตภาพยนตร์นี้ และสนับสนุนประชาธิปไตยไปด้วยกัน
ไม่เพียงแค่การบอยคอต ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อรายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสที่ยังรุนแรงในหลายประเทศ ทำให้ทางดิสนีย์ตัดสินใจ ลงฉายเรื่องนี้ใน Disney+ สตรีมมิ่งของทางบริษัท โดยจะมีราคาอยู่ที่ 29.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 900 บาท) ซึ่งก็มีกระแสความไม่พอใจออกมา เนื่องจากมองว่ามีราคาที่สูงเกินไปด้วย
สำหรับแอนิเมชัน มู่หลาน เวอร์ชั่นต้นฉบับที่เข้าฉายในปี 1998 ทำรายได้ทั่วโลกไป 304,320,254 ล้านดอลล่าร์ และใช้ทุนสร้างทั้งสิ้น 90 ล้านดอลล่าร์ ขณะที่ในเวอร์ชั่น 2020 นี้ มีทุนสร้างถึง 200 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งกระแสต่างๆ นี้จะทำให้รายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างไร เราคงต้องติดตามกันว่าการบอยคอตจะมีผลหรือไม่ ?
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/search?q=%23BoycottMulan&src=trend_click&vertical=trends
https://twitter.com/NetiwitC/status/1301467292576878598
https://www.facebook.com/TH4HK/photos/a.154557015989803/317918712986965/?type=3&theater&ifg=1
https://thematter.co/brief/brief-1565950244/82874
#Brief #TheMATTER