เกิดเหตุอาหารเป็นพิษในเมืองซราเกน ประเทศอินโดนีเซีย มีผู้ล้มป่วย 365 คน หลังรับประทานอาหารกลางวันของโรงเรียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาหารกลางวันฟรีโดยประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต และหากนับรวมเหตุตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 พบว่า มีผู้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวกว่า 1,000 คน
แม้ก่อนหน้านี้ สำนักงานโภชนาการแห่งชาติ อินโดนีเซีย หน่วยงานที่กำกับดูแลโครงการ เคยกล่าวถึงการยกระดับมาตรฐานการประกอบอาหารและการส่งมอบอาหาร หลังเกิดกรณีอาหารเป็นพิษครั้งก่อน ๆ
นักเรียนคนหนึ่งที่โรงเรียนมัธยมในท้องถิ่นกล่าวว่า เขาตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง พร้อมปวดหัวและท้องเสีย ซึ่งคาดว่าเกิดจากอาหารเป็นพิษหลังเห็นโพสต์โซเชียลมีเดียของเพื่อนร่วมชั้นที่มีอาการเหมือนกัน
ทั้งนี้ อาหารที่ถูกมองว่ามีแนวโน้มปนเปื้อน ได้แก่ ข้าวขมิ้น ไข่ฝอย ถั่วเหลืองหมักทอดน้ำมัน (Fried Tempeh) สลัดแตงกวาและผักกาดหอม แอปเปิ้ลและนมหนึ่งกล่อง ซึ่งจะถูกปรุงในครัวส่วนกลางก่อนแจกจ่ายให้โรงเรียนหลายแห่ง โดยผู้ว่าราชการเมืองซราเกนได้ขอให้หยุดการกระจายอาหารชั่วคราวจนกว่าจะได้ผลตรวจความปนเปื้อนจากแลป และรัฐบาลจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด
‘โครงการอาหารกลางวันฟรีสำหรับนักเรียน’ เป็นนโยบายหาเสียงหลักของประธานาธิบดีปราโบโว เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของนักเรียน และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบัน นโยบายดังกล่าวได้กระจายถึงนักเรียนกว่า 15 ล้านคน และมีการตั้งเป้าหมายขยายถึงผู้คนอีกกว่า 83 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ โดยจัดทํางบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด 171 ล้านล้านรูเปียห์ (ประมาณ 343,217 ล้านบาท)
ขณะที่ ‘ครัวส่วนกลาง’ ซึ่งเปิดให้บริการทั่วประเทศอย่างน้อย 190 แห่ง ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทจัดเลี้ยงจากภายนอก และมีบางแห่งตั้งอยู่ในค่ายทหาร
ย้อนไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในเมืองหนึ่งทางชวาตะวันตก มีนักเรียนล้มป่วยจากเหตุอาหารเป็นพิษคล้ายกันกว่า 200 คน และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่าอาหารปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ‘ซัลโมเนลลา’ และ ‘อีโคไล’
ส่วนความปนเปื้อนในอาหารที่เมืองซราเกนคงต้องรอผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ และนโยบายล้านล้านบาทของรัฐบาลปราโบโวจะยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป
#Brief #TheMATTER #อินโดนีเซีย #ปราโบโว