การจูงมือ และการแสดงความรักผ่านร่างกาย มีความหมายทั้งในเชิงวัฒนธรรม รวมถึงวิทยาศาสตร์ที่อธิบายความรักและความสัมพันธ์ของพวกเราได้เหมือนกันนะ
มีคำศัพท์คำหนึ่งว่า ‘Physical affection’ ที่หมายถึง การสัมผัสกันทางร่างกายที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความรักระหว่างกันและกัน แนวคิดนี้เคยถูกย้ำผ่านงานวิจัยเมื่อปี 2003 ที่สำรวจผ่านความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง 3,000 คน โดยทีมวิจัยได้ข้อสรุปว่า มันมีข้อบ่งชี้ที่ค่อนข้างชัดเจน การแสดงความรักกันผ่านทางร่างกาย มันสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันได้จริงๆ
ทั้งนี้ ในงานวิจัยยังได้แบ่ง Physical affection เป็นรูปแบบต่างๆ เช่น การจับมือ การกอด การจูบ การนวด (Backrubs) และการสัมผัสกันด้วยความรัก (Caressing)
หรือถ้าโฟกัสกันลงไปที่ ‘การจับมือ’ งานวิจัยจาก The University of Virginia และ The University of Wisconsin ได้ระบุว่า ประโยชน์ของการจับมือกันและกัน มันไม่ได้มีแค่ทำให้เรามีความสุขเท่านั้น แต่รวมไปถึงการผ่อนคลายภาวะการตึงเครียดในตัวเราเองได้ด้วย เพราะเราได้รับความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายจากอีกฝ่าย
ยังไม่หมดแค่นั้น! การศึกษาของ University of California Los Angeles (UCLA) ก็ยังพบด้วยว่า การสัมผัสร่างกายกันและกันด้วยความรักนั้น สามารถทำให้ร่างกายของเราสร้าง Oxytocin หรือที่รู้จักกันในนามของ ‘ฮอร์โมนแห่งความเชื่อใจ’ อีกด้วย
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการศึกษามากมายมารองรับ แต่การจับมือรวมไปถึงการสัมผัสร่างกายกันและกัน มันก็ถูกจัดวางอยู่ในบริบททางสังคมที่แตกต่างกันออกไปด้วยแหละเนอะ และแน่นอนว่า หนึ่งในสิ่งสำคัญมากๆ ของการแสดงความรักกันผ่านทางร่างกาย มันก็คือความยินยอมหรือ Consent
อ้างอิงจาก
https://www.huffpost.com/entry/power-of-holding-hands_n_57435a8be4b00e09e89fc162
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3183515/
#GoodsMorning #TheMATTER