อยากเล่นอินเทอร์เน็ตให้น้อยลง อยากใช้โซเชียลมีเดียให้ไม่เสพติดขนาดนี้ แต่พอทดลองลดการใช้จริงๆ (หรือที่หลายคนเรียกว่า Digital Detox) ผลที่ออกมาคือ เรากลับมาใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าเดิมเสียอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ
ถ้าหากใครเคยเจอสถานการณ์ทำนองนี้ หนังสือชื่อ ‘Digital Minimalism’ ของ Cal Newport น่าจะช่วยเป็นประโยชน์ได้ไม่น้อยเลย
อันดับแรก Newport อธิบายว่า Digital Minimalism นั้นหมายถึง ปรัชญชาในการใช้เทคโนโลยี ที่จะทำให้เรามีโฟกัสอยู่กับสิ่งเล็กๆ แต่สำคัญบนโลกอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น ผ่านการเลือกและคัดสรรสิ่งที่เราควรให้คุณค่าและเพ่งเล็งความสนใจกับมันจริงๆ
ถ้าจะขยายความจากที่ Newport บอกก็คงจะได้ว่า มันคือการลดความสนใจต่อสิ่งที่ไม่จำเป็น แล้วให้เวลากับสิ่งที่มีจำเป็นจริงๆ มากกว่า (บางคนก็เรียกว่าเป็น มาริเอะ คนโดะ สไตล์แห่งโลกอินเทอร์เน็ตนั่นเอง)
ในหนังสือเล่มนี้เล่าถึงหลักการที่น่าสนใจไว้หลายข้อ เราขอหยิบมาเล่มไว้ 3 หลักสำคัญๆ นะ
1.) จัดระเบียบการใช้เวลากับอุปกรณ์หรือแอพฯ ต่างๆ ให้ดี เช่นการตั้ง ‘Do Not Disturb’ ให้กับมือถือในบางเวลาเพื่อตัดการรบกวนจากสายเข้า หรือการแจ้งเตือนต่างๆ ที่มันจะขโมยความสนใจของเราไปจากสิ่งที่เราควรสนใจจริงๆ
2.) กำหนดช่วงเวลาที่เราจะทดสอบตัวเองให้ชัดเจน : Newport มีแนวคิดเรื่อง ’30 day digital declutter’ คือกำหนดไปเลยว่า ในช่วง 30 วันนี้เราจะลดอะไรไปบ้าง จะไม่เล่นอะไร จะไม่ใช้แอพฯ อะไร แล้วอยู่กับมันให้ได้ (ฟังดูโหดมากเนอะ) แล้วเมื่อผ่าน 30 วันไปแล้ว ให้ลองกลับมาทบทวนตัวเองดูว่า มีอะไรที่เราอยากให้มันกลับมา หรืออะไรที่ไม่จำเป็น
3.) ลองค้นหาทางเลือกในโลกอินเทอร์เน็ต ที่จะช่วยให้เราได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและทำสิ่งต่างๆ ให้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น บรรดาแอพฯ ช่วยเราจัดการเวลา จัดตารางชีวิตต่างๆ
พูดให้ถึงที่สุดแล้ว Digital Minimalism มันเลยไม่ใช่การลดหรือเลิกไปอย่างสุดโต่งไปเลย แต่มันคือการลดสิ่งที่ไม่จำเป็น และใช้เวลากับสิ่งที่มีคุณค่าจริงๆ กับสิ่งสำคัญมากกว่า
อ้างอิงจาก
https://medium.com/@tom_2380/why-digital-minimalism-is-the-next-big-trend-fa2e1cc14f59
https://www.theanalyticallife.com/analytical-resources/digital-minimalism-and-the-analytical-life/
#GoodsMorning #TheMATTER