สารภาพมาซะดีๆ ว่าใครชอบใช้วันหยุดยาวในการเคลียร์งานบ้าง? งานไม่เสร็จ ก็เลยอยากทำให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวไปพักผ่อนทีหลัง ใช่ไหมล่ะ? ก็ฟังดูเป็นปกตินี่ ไม่มีใครอยากไปเที่ยวแล้วต้องกังวลเรื่องงานหรอก
การออกไปวิ่งในสวน การนอนอ่านนิยายเล่มโปรดบนเตียง หรือการพาตัวเองไปนอนเล่นบนชายหาด ก็คงต้องเลื่อนไปก่อนถ้ายังมีงานกองอยู่ตรงหน้า แต่มีนักวิจัยกลุ่มหนึ่งกำลังพยายามบอกเราว่า การที่เราคิดว่าต้องทำงานให้เสร็จก่อน แล้วจะพักผ่อนได้อย่างสบายใจนั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป
งานวิจัยล่าสุดจาก University of Chicago Booth School of Business ได้ทำการสุ่มให้คนทำงานที่เดินผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์ในชิคาโก้ลองทำกิจกรรมสองอย่างนั่นก็คือ การทำแบบทดสอบที่แสนยาก กับการเล่นเกม iPad ที่แสนจะผ่อนคลาย โดยสุ่มให้บางคนทำแบบทดสอบก่อน ขณะที่บางคนได้เล่นเกมก่อน แต่ก่อนที่ทุกคนจะเล่นเกม (ไม่ว่าจะเล่นก่อนหรือหลังทำแบบทดสอบ) พวกเขาต้องเดาว่าตัวเองจะสนุกกับเกมที่จะเล่นแค่ไหน โดยให้คะแนนตั้งแต่ -5 ถึง 5 และให้คะแนนอีกครั้งหลังจากที่เล่นแล้ว
ตามความคิดฝังใจแบบที่ว่าต้องให้งานเสร็จก่อน แล้วจะเล่นเกมได้อย่างสนุกสนานนั้น ผู้เข้าร่วมการทดลองส่วนมากที่ต้องทำแบบทดสอบหลังเล่นเกมเลยคาดว่า ตัวเองน่าจะสนุกกับเกมน้อยกว่าผู้เข้าร่วมอีกกลุ่ม (เพราะว่ามีแบบทดสอบรออยู่) แต่ปรากฏว่าผลการสำรวจคะแนนหลังเล่นเกม กลับกลายเป็นว่าผู้เข้าร่วมทั้งสองกลุ่มนั้นให้คะแนนความสนุกเท่าๆ กัน
ทีมวิจัยตอกย้ำความชัวร์ด้วยอีกหนึ่งการทดลอง โดยจัดเก้าอี้นวดตัวกับสปาเท้าไว้ที่แล็บ ให้นักเรียนที่ University of Chicago เข้ามาใช้ได้ในสัปดาห์ก่อนและหลังสอบมิดเทอม เช่นเดียวกับการทดลองก่อนหน้า นักเรียนที่เข้ามาใช้บริการจะถูกตั้งคำถามว่าพวกเขาคาดหวังที่จะได้รับความผ่อนคลายจากสปานี้แค่ไหน และหลังจากใช้บริการก็จะมีการให้คะแนนอีกครั้ง ซึ่งผลการสำรวจจากการทดลองนี้ก็ช่วยสนับสนุนและตอกย้ำการทดลองก่อนหน้า เมื่อพบว่านักเรียนที่มาใช้บริการก่อนสอบ ซึ่งคาดว่าตัวเองน่าจะรู้สึกผ่อนคลายน้อยกว่า จริงๆ แล้ว กลับรู้สึกผ่อนคลายเท่ากับกลุ่มที่มาใช้บริการหลังสอบ
ทำไมเราคิดว่าการพักผ่อนหลังทำงานเสร็จจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า?
บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องของความกังวลว่าสิ่งที่ค้างคามันจะมารบกวนใจ ในการทดลองให้บริการสปา ทีมวิจัยเลยถามนักเรียนที่มาทำสปาก่อนสอบด้วยว่า คาดว่าเรื่องสอบจะรบกวนใจแค่ไหนในระหว่างทำสปา คำตอบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 40% แต่ปรากฏว่าจากผลสำรวจหลังการทำสปา ในความเป็นจริงแล้วนั้น พวกเขาคิดถึงเรื่องสอบน้อยกว่า 20% ด้วยซ้ำ เพราะกำลังฟินกับสปาที่แสนจะผ่อนคลาย
ทีมวิจัยยังได้การออกแบบชุดคำถามปรับทัศนคติ เพื่อสนับสนุนความคิดที่ให้พักผ่อนก่อนแล้วค่อยกลับไปทำงาน ด้วยการชี้ให้เห็นถึง ‘ชั่วขณะของความรู้สึกที่เกิดขึ้น’ คือให้คิดถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าสิ่งที่ค้างคาแล้วรบกวนจิตใจนั่นเอง ตัวอย่างคำถามก็เช่น ให้ลองจินตนาการถึงตอนที่กำลังเคี้ยวขนมที่อร่อยมากๆ แล้วมีเวลาเคี้ยวแค่ 10 วินาที ตอนนั้นจะคิดหรือรู้สึกอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็จะตอบคำถามว่า ก็แค่เคี้ยวไง ก็แค่อร่อยไง ก็ใช้เวลาฟินกับมันสิ นั่นแหละที่นักวิจัยต้องการ ก็แค่ไปพักผ่อนไง ก็ออกไปเที่ยวไง ก็ใช้เวลามีความสุขกับมันสิ
งานวิจัยชิ้นนี้นำไปสู่คำถามที่ว่าเรากำลังกังวลกับงานมากไปรึเปล่า? เราคิดถึงมันก่อนการพักผ่อนเสมอใช่ไหม? อย่างคนสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยยอมที่จะลางาน จนเกิดปัญหาและความเครียดจากการทำงาน ตามมาด้วยปัญหาสุขภาพอย่างความดันเลือดสูง โรคหัวใจ และอาการเจ็บป่วยทางร่างกายอื่นๆ ทั้งที่จริงๆ แล้ว คนส่วนใหญ่มักจะทำงานได้ดีขึ้นหลังจากกลับมาจากการลาพักผ่อนด้วยซ้ำ
ความคิดที่ว่าทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพักผ่อนทีหลัง มันยิ่งทำให้การทำงานพังเข้าไปอีก เพราะงานน่ะไม่มีวันหมดหรอก เราก็จะเอาแต่ทำงานและทำงาน จนสุดท้ายความสุขและความสนุกในการทำงานก็หายไป เหมือนกับที่เวลาพักผ่อนไม่มีเหลือนั่นแหละ
การต่อสู้กับความคิดฝังหัวนี่ไม่ง่าย ยิ่งสำหรับคนที่ยกให้เรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่ก็ทำได้ด้วยสามขั้นตอนนี้ หนึ่งคือถามตัวเองก่อนว่ามีเหตุผลอะไรในการผลัดวันประกันพรุ่งในเรื่องที่จะทำให้ตัวเองผ่อนคลายและมีความสุข (ถ้าคิดว่าไปเที่ยวหรือทำอะไรสนุกๆ หลังจากงานเสร็จแล้วจะดีกว่า แนะนำให้ไถขึ้นไปอ่านตั้งแต่แรกใหม่เลย) สองคือให้เจาะจงไปที่ชั่วขณะของความรู้สึกที่เกิดขึ้น มากกว่าความกังวลที่ในสิ่งที่ค้างคาอยู่ (เหมือนกับในชุดคำถามปรับทัศนคติ ก็แค่พักผ่อนไง ก็ใช้เวลามีความสุขกับมันสิ)
และสามคือ วางงานตรงหน้าแล้วลุกไปทำสิ่งที่อยากทำเดี๋ยวนี้เลย!
อ้างอิงข้อมูลจากจาก
qz.com
hbr.org