คนเมืองอย่างเรา มันก็เหงาๆ อยู่โดดเดี่ยวคนเดียวมาจนชิน โลกสมัยใหม่เป็นโลกที่เราให้ความสำคัญกับปัจเจกบุคคล แต่งงานกันน้อยลง โสดกันมากขึ้น ครอบครัวก็กระจัดจะจายต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองกันไป ความเหงาและความเดียวดายเลยดูจะเป็นเพื่อนคนสำคัญของพวกเรา ล่าสุดงานสำรวจพบว่าคนในประเทศร่ำรวยกำลังถูกความเหงาเล่นงานอย่างหนักมากขึ้น
นักวิจัยทางสังคมจาก Brigham Young University ทำนายไว้ตั้งแต่ปี 2015 ว่าความเหงาและความโดดเดี่ยวจะกลายเป็นปัญหาที่จริงจังและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตต่อไป จากการสำรวจในขณะนั้นพบว่าความเดียวดายไม่ได้แค่เหงาๆ หว่องๆ แต่มีผลเป็นตาย นักวิจัยพบว่า คนที่โดดเดี่ยวขาดการเชื่อมต่อกับสังคมรอบข้าง และโดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตตามลำพังมีโอกาสเสี่ยงในการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 29% และ 32% ตามลำดับ
งานศึกษาดังกล่าวแยกระหว่างคนที่บอกว่าตัวเองรู้สึกเหงาๆ กับคนที่โดดเดี่ยวตัวเองออกจากสังคม ผลงานศึกษาบอกว่าไม่ว่าจะเหงาแต่สุขใจหรือคนที่โอเคมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมแล้วยังรู้สึกเหงาๆ คนเหงาทั้งสองแบบต่างก็อยู่ในความเสี่ยงต่ออัตราการเสียชีวิตไม่ต่างกัน ส่วนคนที่ทั้งเหงาในใจแถมพฤติกรรมก็โดดเดี่ยวยิ่งทวีความเสี่ยงต่อการตายขึ้นไปอีก
แค่มองไปรอบๆ หรือมองดูตัวเราเอง ทุกวันนี้ความเหงาก็ดูจะเป็นสิ่งที่จู่โจมเราอยู่เสมอ
พฤติกรรมและเทคโนโลยีทั้งหลายต่างเป็นตัวส่งเสริมให้เรามีสังคมและปฏิสัมพันธ์กันต่อน้อยลง อยู่คนเดียวกันมากขึ้น งานสำรวจในประเทศพัฒนาแล้วล่าสุดพบว่าชาวอเมริกัน 1 ใน 3 รู้สึกว่าตัวเองเหงา รวมถึงผู้ใหญ่ 18% ในสหราชอาณาจักรก็บอกว่าตัวเองมักจะเหงา ‘เสมอ’ (always) หรือไม่ก็เหงา ‘บ่อยๆ’ (often) ซึ่งการที่หนึ่งในสามหรือเกือบหนึ่งในห้าของประชากรบอกว่าฉันเหงาเนี่ย ถือว่าเยอะจนนับเป็นปัญหาทางสังคมได้แล้วเนอะ
อันที่จริง ประเทศมั่งคั่งก็ไม่ได้เหงาอย่างเดียวดาย เพราะความเหงากำลังระบาดไปตามทิศทางของสังคมร่วมสมัย ที่ดูเหมือนว่าไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็กำลังไปในทางเดียวกัน คนเรามีชีวิตยาวนานขึ้น แต่งงานกันมีลูกกันน้อยลง คนหย่าร้างกันมากขึ้น และเราใช้ชีวิตกันตามลำพังมากขึ้น
สถิติของบ้านเราเองก็ดูจะสอดคล้องไปกระแสสังคมสมัยใหม่ดังกล่าวที่คนไทยมีแนวโน้มแต่งงานช้าลง อยู่เป็นโสดมากขึ้น มีความเชื่อเรื่องการใช้ชีวิตให้มีความสุขในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม เน้นเป้าหมายความเป็นปัจเจก
เงยหน้าขึนจากจอ เดินออกจากออฟฟิศ ทิ้งตัวลงไปบนเตียง ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่เราต่างกำลังโดดเดี่ยวมากขึ้น และความเหงาอาจกำลัง ‘ฆ่าเรา’ เข้าจริงๆ ซักวัน
คงเหมือนเพลงแจ๊สเพลงหนึ่งชื่อ Alone Together พวกเราต่างก็กำลังโดดเดี่ยวอยู่ด้วยกัน สุดท้ายแล้วเราต่างไม่ได้เหงาอยู่คนเดียว
อ้างอิงข้อมูลจาก