เชื่อว่าหลายๆ คนคงทราบกันดีว่าความรู้สึกเหงา คือเรื่องปกติมนุษย์ และแต่คนก็มีวิธีรับมือกับมันแตกต่างกันไป แต่งานวิจัยล่าสุดพบว่า ความเหงาหรือภาวะโดดเดี่ยวทางสังคมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ จนนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
เล่าก่อนว่า แม้ว่าจะมีผลการศึกษาเกี่ยวกับภาวะโดดเดี่ยวและความเหงามากมายที่ยังระบุคล้ายๆ กันอีกว่าความรู้สึกดังกล่าวส่งผลเสียกับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การศึกษาในครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป เพราะเป็นการนำผลงานวิจัยประมาณ 90 ชิ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นนี้มาวิเคราะห์จนได้ผลสรุปว่า
ผู้ที่ประสบกับความโดดเดี่ยวมีความเสี่ยงสูงถึง 32% ที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้แยกตัวออกจากสังคม รวมถึงผู้ที่มีความรู้สึกเหงาบ่อยครั้งมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 14% มากกว่าผู้ที่ไม่ค่อยรู้สึกเหงา
“การวิจัยในครั้งนี้ทำให้พวกเรา (นักจิตวิทยา) ต้องหันมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับประเด็นนี้มากขึ้น เพราะมันถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้” จูลีแอนน์ โฮลท์–ลันสตัด (Julianne Holt-Lunstad) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยบริกแฮมยัง สหรัฐฯ กล่าว
เธอเสริมอีกว่า “คนอเมริกันใช้เวลาอยู่คนเดียวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราไม่เคยมองว่ามันเป็นอันตราย โดยเฉพาะในกรณีที่บางคน ‘ถูกเลือกปฏิบัติ’ จากสังคมรอบตัว จนทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกว่าอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกสบายใจกว่า”
อย่างไรก็ตาม เทอร์แฮน แคนลี (Turhan Canli) ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยสโตนีบรูค สหรัฐฯ ระบุว่า “การอยู่อย่างโดดเดี่ยวในสังคมถือเป็นความเครียดรูปแบบหนึ่ง เพราะตามปกติแล้วเราทุกคนต้องเคยเกิดความรู้สึกเหงาเป็นครั้งคราว แต่เมื่อความรู้สึกนั้นคงอยู่ถาวร ฮอร์โมนความเครียดก็จะหลั่งออกมามาก ทำให้กลายเป็นความเครียดเรื้อรังและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ”
ไม่เพียงเท่านี้ นักวิจัยยังพิจารณาความเชื่อมโยงระหว่างความเหงาและภาวะโดดเดี่ยวทางสังคม กับการเสียชีวิตของผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งผลการวิจัยระบุว่า ผู้ที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวและป่วยเป็นโรคที่กล่าวไปข้างต้นร่วมด้วย มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตเร็วกว่าผู้ที่ป่วยด้วยโรคเหล่านี้เช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้รู้สึกเหงาหรือแยกตัวออกจากสังคม
ด้วยสาเหตุที่ว่า ผู้คนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมักจะมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ “คนที่แยกตัวออกจากสังคมมักจะมีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ไม่ดี และการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย” แคนลีกล่าว
เขายังเสริมอีกว่า “ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และดูแลตัวเอง การกระทำเหล่านี้ยังถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ดี เพราะเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง” อธิบายง่ายๆ ก็คือเราไม่จำเป็นต้องเข้าสังคมขนาดนั้น ถ้าเรารู้สึกไม่สบายใจ แต่อย่างน้อยก็ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นบ้างก็ยังดี
“การศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมจะนำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น รวมถึงอาจทำให้พบวิธีการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ก็เป็นได้” เขาระบุปิดท้าย
.
.
.
อ้างอิงจาก