ตอนที่ทางการสหรัฐฯ กล่าวหาหญิงชาวรัสเซียที่มีพฤติกรรมราวตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง Red Sparrow ว่าเป็น ‘สายลับ’ ในคำฟ้องก็บอกด้วยว่า เธอพยายามหาข้อมูลลับเพื่อไปส่งให้ประเทศรัสเซีย
แต่ในคดีล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างกัมพูชา นักทำหนังชาวออสเตรเลียถูกศาลจำคุก 6 ปี ฐานกระทำตัวเป็นสายลับ โดยในคำฟ้องและคำพิพากษาไม่ได้บอกว่า ข้อมูลที่บุคคลนี้ได้รับ จะเอาไปส่งให้ใคร? เข้าข่ายจารกรรมอย่างไร?
James Ricketson นักทำภาพยนตร์ชาวออสเตรเลีย วัย 69 ปี ถูกศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก จากการนำโดรนขึ้นบินเก็บฟุตเทจการหาเสียงของพรรคกู้ชาติกัมพูชา พรรคฝ่ายค้านสำคัญที่จะขึ้นมาท้าชิง ส.ส.จากพรรคประชาชนกัมพูชาของสมเด็จ ฮุนเซน เมื่อปี 2017 (ก่อนที่พรรคกู้ชาติกัมพูชาจะถูกยุบในเวลาต่อมา ทำให้พรรคประชาชนกัมพูชาได้ ส.ส.ไปทั้ง 100%)
ครอบครัวของริกเก็ตสัน รู้สึกตกใจกับคำพิพากษาที่เกิดขึ้น เพราะเจ้าตัวก็อายุมากแล้ว แถมสุขภาพก็ไม่ดี หากต้องไปใช้ชีวิตในคุกเปรยซอว์อันโด่งดังอีก คาดว่าชีวิตจะเป็นอันตราย ขณะที่ทนายความของริกเก็ตสันเอง ก็ตั้งคำถามกับคำพิพากษาที่ไม่มีตรงไหนบอกเลยว่า การเอาโดรนขึ้นบินดังกล่าวจะกระทบกับความมั่นคงของชาติอย่างไร? และข้อมูลที่ได้จะนำไปให้กับประเทศใด สหรัฐฯหรือออสเตรเลีย?
ขณะที่ฮิวแมนไรท์วอทช์ ก็ออกแถลงการณ์บอกว่า ข้อหาที่นักทำหนังคนนี้ได้รับ “เกินกว่าเหตุจนน่าตลก”
ที่สุดแล้ว ทางรอดเดียวของริกเก็ตสัน ก็คือการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา ซึ่งตามขั้นตอนต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะรู้ผล
สรุปแล้วความผิดของริกเก็ตสันคืออะไรกันแน่ ใช่เพราะเข้าไปข้องเกี่ยวกับฝ่ายค้านหรือไม่ เหตุผลแค่นั้นจะทำให้ใครคนหนึ่งต้องสิ้นอิสรภาพถึง 6 ปี เชียวหรือ
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER