ไปเที่ยวต่างประเทศ กิจกรรมหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือการไปกินอาหารของประเทศนั้นๆ ทัวร์กินทั้งของคาว ของหวาน ขนม เครื่องดื่ม จนบางทีนักท่องเที่ยวก็เผลอเดินกิน ยืนกินขวางทาง และทิ้งขยะตามที่สาธารณะได้ ซึ่งเมืองในประเทศอิตาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร จะออกกฎหมายปรับนักท่องเที่ยว ที่กินไม่เป็นที่เป็นทางแล้ว
ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เมืองฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตาลีเริ่มออกกฎหมายจะปรับคนที่กินอาหารในที่สาธารณะในตัวเมือง ไม่ว่าจะเป็นตามทางเท้า หรือบนถนน ในช่วงเวลาของอาหารกลางวัน และอาหารเย็น คือเที่ยง-บ่าย 3 และ 6 โมงเย็น-4 ทุ่ม โดยกฎหมายนี้มีขึ้นเพื่อควบคุมนักท่องเที่ยวที่ไม่รักษาความสะอาด ซึ่งคนที่ทำผิดกฎจะเจอโทษปรับตั้งแต่ 150 ยูโรถึงสูงสุดที่ 500 ยูโร (ประมาณ 5,500 บาทถึง 20,000 บาท)
กฎหมายล่าสุดของเมืองฟลอเรนซ์เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินมาตรการต่อเนื่องของอิตาลี เพื่อจัดการกับแรงกดดันที่คัดค้านการท่องเที่ยว และต้องการลดพฤติกรรมต่อต้านสังคม ซึ่งนายกเทศมนตรีของฟลอเรนซ์ Dario Nardella ให้สัมภาษณ์ว่า “นี่ไม่ใช่มาตรการลงโทษ แต่เป็นการยับยั้ง หากนักท่องเที่ยวปฏิบัติในเมืองฟลอเรนซ์เหมือนบ้าน พวกเขาจะได้รับการต้อนรับเสมอ ยิ่งถ้าพวกเขาอยากลองกินอาหารของพวกเรา”
กฎหมายนี้ออกมาเพื่อเพิ่มการรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น จากตั๋วเครื่องบินและที่พักราคาประหยัด ที่ทำให้เกิดขยะที่ทิ้งไว้ตามถนนต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว นักท่องเที่ยวมักรับประทานอาหารในพื้นที่สาธารณะ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารในคาเฟ่ หรือร้านอาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีคนเสียค่ากาแฟสองแก้วและน้ำ 1 ขวด ในราคา 67 ยูโร หรือ 2,500 บาท เพราะเลือกนั่งโต๊ะบริเวณนอกร้านเพื่อชมบรรยากาศ
โดยก่อนหน้านี้เมืองฟลอเรนซ์เคยแบนอาหารที่ไม่ใช่ของท้องถิ่นในบริเวณใจกลางเมือง ทั้งบริเวณอื่นๆ ในประเทศยังเคยแบนเคบับ ห้ามการดื่มแอลกอฮอล์กลางแจ้ง หรือแม้แต่ไอศรีมในช่วงดึก ซึ่งเว็บแม็กกาซีน CityLab มองว่า การแบนเหล่านี้มีด้านลบ เพราะเป็นการสร้างกฎอย่างไม่เป็นธรรมให้กับคนกลุ่มน้อย และเป็นการผลักการวางแผนที่ผิดพลาดของทางการให้กลายเป็นเรื่องของบุคคลที่ต้องรับผิดชอบ
https://www.citylab.com/life/2018/09/florence-italy-tourism-food/569476/
#Brief #TheMATTER