จากเวทีแห่งการทูต น่าจะเป็นเวทีแห่งการพูดไปแทน สำหรับที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly – UNGA) ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ไปจนถึงวันที่ 1 ต.ค.นี้ จากเก้าโมงเช้าถึงสามทุ่ม เมื่อจำนวนผู้นำที่จะได้ขึ้นพูดในปีนี้ มีถึง 193 คนด้วยกัน!
นำไปสู่คำถามว่า จำนวนการพูดขนาดนี้ มากเกินไปหรือไม่?
แต่ มาเรีย เฟอร์นันด้า เอสปิโนซ่า ประธานหญิงของ UNGA กลับมองต่าง โดยบอกว่านี่เป็นเวทีที่ผู้นำของชาติต่างๆ จะได้พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะสื่อสารกับโลก รวมถึงเป็นโอกาสที่ชาติที่ห่างไกลกันจะได้สานสัมพันธ์กัน
ช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ผู้นำอิสราเอลจึงใช้เวทีนี้โจมตีอิหร่านเรื่องนิวเคลียร์ ผู้นำมาเลเซียเรียกร้องให้ยูเอ็นเปลี่ยนกฎการวีโต้ ผู้นำสหรัฐฯก็อวดผลงานของตัวเองว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ฯลฯ เรียกว่าใครอยากพูดอะไรก็พูด อยากแสดงจุดยืนอะไรก็ทำไป
ความจริงมีกฎในการขึ้นสปีชบนเวทีนี้อยู่ว่า ให้พูดคนละ 15 นาทีเท่านั้น แต่ไม่ค่อยถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง ล่าสุด นิโกลัส มาดูโร ปธน.เวเนซุเอลา ก็เพิ่งขึ้นพูดยาวเหยียดถึง 50 นาที ส่วนผู้นำของบางชาติก็ใช้เวลาแค่ 4-5 นาทีเท่านั้น
ไทยเองก็มีคิวขึ้นพูดบน UNGA ในช่วงเช้าของวันที่ 1 ต.ค. น่าเสียดายที่ผู้พูดไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพราะได้ส่งวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมช.ต่างประเทศ ให้ไปพูดแทน
อ้างอิงจาก
https://www.thenational.ae/world/un-general-assembly-2018-schedule-1.766805 (กำหนดการที่ผู้นำหรือตัวแทนประเทศต่างๆ จะได้ขึ้นพูด)
https://www.businessinsider.com/trump-unga-un-speech-laughter-video-2018-9
#Brief #TheMATTER